กลุ่มเซ็นทรัล พร้อมบริษัทในเครือ จับมือ UN ส่งต่อโลกที่ยั่งยืนสู่เจเนอเรชั่นถัดไป ภายใต้แคมเปญ “Central Group Love the Earth” ฟื้นฟู ป้องกันและหยุดยั้งการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ตั้งเป้าฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวมากกว่า 50,000 ไร่ และลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบให้ได้ไม่น้อยกว่า 30% ภายในปี 2573
วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี ตรงกับ วันสิ่งแวดล้อมโลก กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ร่วมกับ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme) และ ศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า (RECOFTC) ในแคมเปญ “Central Group Love the Earth” ภายใต้ธีม Generation Restoration ส่งต่อโลกที่ยั่งยืนสู่เจเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวรณรงค์ที่สอดคล้องกับสหประชาชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อ (1) ฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม และ (2) ป้องกันและหยุดยั้งการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ โดยคนรุ่นปัจจุบัน เพื่อโลกและคนรุ่นถัดไป
พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ได้ร่วมมือกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติจัดงานสิ่งแวดล้อมโลกในฐานะตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากภาคเอกชนของประเทศไทย ติดต่อกันมาเป็นปีที่ 7 ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวมากกว่า 50,000 ไร่ และลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบให้ได้ไม่น้อยกว่า 30% ภายในปี 2573
กลุ่มเซ็นทรัล มุ่งมั่นในการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการ “เซ็นทรัล ทำ” โครงการเพื่อความยั่งยืนของกลุ่มเซ็นทรัล โดยหนึ่งในกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนคือ การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การอนุรักษ์ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยการตระหนักถึงความสำคัญและการลงมือปฏิบัติในการอนุรักษ์ปกป้อง และแก้ไขปัญาสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ ขยะ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งล้วนเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของโลก กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จํากัด (มหาชน) จึงมีบทบาทและทิศทางด้านสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับแนวทาง #GenerationRestoration ดังนี้
กลุ่มเซ็นทรัล กับบทบาทและทิศทางที่สอดคล้องกับแนวทาง #GenerationRestoration
1) การให้ความสำคัญกับมนุษย์ ที่เป็นผู้ใช้ทรัพยากรและเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น
• กลุ่มเซ็นทรัล เป็นองค์กรภาคเอกชนกลุ่มแรกในการขับเคลื่อน ด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน รวมถึงผลักดันให้สินค้าและกิจกรรมในชุมชนเป็นไปในทิศทางที่เอื้อต่อความยั่งยืนทางธรรมชาติ เช่น Say No to Plastic Bag
• กลุ่มเซ็นทรัล ส่งต่อความมุ่งมั่น และสานต่อเจตนารมณ์กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร พร้อมทั้งดำเนินโครงการสร้างความตระหนักรู้และฝึกทักษะให้กับเจเนอเรชั่นใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น พนักงาน นักเรียน เป็นต้น
2) การดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง #GenerationRestoration สู่ 2 เป้าหมาย คือ (1) ฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม และ (2) ป้องกันและหยุดยั้งการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ
• การฟื้นฟูที่กลุ่มเซ็นทรัลทำ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และต่อเนื่องถึงอนาคต ผ่าน แคมเปญ Love the Earth เช่น
o การฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวคลอบคลุมพื้นที่มากกว่า 50,000 ไร่ ทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ต้นน้ำ
• ในขณะเดียวกัน ยังยึดแนวทางบูรณาการผ่านการป้องกันและหยุดยั้งการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศด้วย เช่น
o โครงการ Journey to Zero นำแนวทางการลดขยะให้เหลือศูนย์มาประยุกต์ใช้ เน้นการลดขยะที่ต้นทาง โดยเฉพาะขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง การคัดแยกประเภทขยะ การรีไซเคิล เพื่อหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ และลดปริมาณขยะลงสู่หลุมฝังกลบ
o การคัดเลือกสินค้าที่ส่งผลต่อความยั่งยืน เช่น มีตัวเลือกสินค้าที่เป็น Eco-products เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการผลิตอย่างรับผิดชอบ วัสดุย่อยสลายหรือรีไซเคิลได้ สนับสนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์ และเกษตรกรรมที่ลดการปล่อยคาร์บอน และฟื้นฟูดิน
• กระบวนการในห่วงโซ่อุปทานที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมกว่าเดิม เช่น การขนส่งโดยใช้พลังงานทางเลือก (รถบรรทุก EV) และการสนับสนุนพลังงานสะอาด โดยการใช้ โซลาร์เซลล์
• การสนับสนุนชุมชนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Community Climate Action : CCA)
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืน DJSI World และ Emerging Markets และอยู่ในระดับ Top 5% ในกลุ่ม Retailing จากการประกาศผล Sustainability Yearbook 2024 โดย S&P Global ซึ่งเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ของการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย ผ่านกลยุทธ์ CRC “ReNEW” โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไข Climate Crisis ของโลก และมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร Net Zero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยมีผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม อาทิ
1. Reduce Greenhouse Gas Emissions (การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก)
• การใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในการขนส่งสินค้ารวม 22 คัน
• การใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานต่าง ๆ เช่น การติดตั้งระบบทำความเย็นอนุรักษ์พลังงานในซูเปอร์มาร์เก็ต 777 สาขาทั่วประเทศ
2. Navigate Environmental Responsibility (การสร้างสังคมที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม)
• การอบรมเรื่อง ESG ให้พนักงานระดับผู้บริหาร
o สร้างทักษะและความพร้อมด้าน ESG ให้กับผู้บริหารและพนักงาน เพื่อให้เข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในการทำงาน ผ่านโครงการ Future Skills Development ที่มีผู้เข้าอบรมมากกว่า 24,000 คน และ Strategic Camp ที่มีการสอดแทรกประเด็นด้านการจัดการพลังงาน และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
• การจัดโปรแกรมเรื่อง ESG ร่วมกับคู่ค้ารายสำคัญ
o ร่วมมือกับคู่ค้า กว่า 135 ราย จัดโครงการอบรม Central Retail Logistics for SME and Sustainability Program เพื่อส่งเสริมการจัดการด้านความยั่งยืน
3. Eco-friendly Materials (การส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม)
• การสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ซ้ำและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ร้อยละ 28
• การสนับสนุนสินค้าแฟชั่นและบิวตี้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การจำหน่ายกางเกงยีนส์ แบรนด์ Wrangler จากคอลเลคชั่น Pineapple ที่มีส่วนผสมของใยสับปะรด และใช้น้ำในการผลิตน้อยกว่าการผลิตผ้าชนิดอื่น
• คอลเลคชั่น Central Edition ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสร้างสรรค์โดยชุมชนต่าง ๆ กับดีไซน์เนอร์ไทยรุ่นใหม่ 24 ท่าน แล้วนำวัสดุเหลือใช้กลับมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เกิดประโยชน์ ควบคู่กับการใช้ทักษะของคนในชุมชน เพื่อสร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชน
• Organic Zone ในแผนกบิวตี้ที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของห้างฯ ในไทยที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ความงามที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
4. Waste Management Solutions (การจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ)
• การจัดการขยะพลาสติกในโครงการส่งฝาแลกฝัน ร่วมกับ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และบริษัท ซีโร่ เวสท์ โยโล จำกัด โดยนำฝาขวดน้ำพลาสติกเหลือทิ้งมารีไซเคิล และเปิดโอกาสให้นักศึกษาออกแบบ และผลิตเป็นชั้นวางหนังสือในห้องสมุดให้กับโรงเรียนที่มีความต้องการต่อไป
• การรณรงค์คัดแยกขยะอย่างถูกวิธีกับทุกภาคส่วน
• การจัดการขยะอาหารตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของขยะ
o การบริจาคอาหารส่วนเกินให้แก่ผู้เปราะบาง และการจำหน่าย Surprise Bags ในราคาประหยัด
o การแปรรูปอาหารส่วนเกินที่ไม่สามารถบริโภคได้เป็นผลิตภัณฑ์ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงและการนำขยะอาหารไปแปลงเป็นปุ๋ย
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทชั้นนำในด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์จากการประกาศผล Sustainability Yearbook 2024 โดย S&P Global จากการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์หลักที่สำคัญ คือการสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งทั้ง Better People และ Better Planet ควบคู่กัน โดยเซ็นทรัลพัฒนามุ่งที่จะพัฒนาพื้นที่การใช้ชีวิตที่ยั่งยืน ตั้งแต่การออกแบบและการก่อสร้างที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าและน้ำ
รวมทั้งการใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา โดยปัจจุบันติดตั้งได้แล้วกว่า 80% ของจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด ผลิตไฟฟ้าได้ 26,011 MWh เพิ่มขึ้น 188% จากปี 2019 นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนามีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการสร้างพื้นที่สีเขียว พื้นที่จอดรถจักรยาน ติดตั้ง EV Charging Station รวมกว่า 400 ช่องจอด ในศูนย์การค้า 40 แห่ง 19 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร และผู้ประกอบการร้านค้า (Green partnership) ในปีแรกสามารถผลักดันให้เกิดการลดพลังงานได้ 719 MWh และลดขยะฝังกลบได้กว่า 60 ตัน พร้อมสนับสนุนชุมชนต่างๆ ดำเนินการตามหลัก Circular Concept ผ่านโครงการ ‘ทำดี’ ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชน
โดยในช่วงวันที่ 17-23 มิถุนายน นี้ บริษัทฯ จะมีการจัดงาน Better Futures Project เป็นปีที่ 3 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นงานที่มุ่งสร้างให้เกิดการตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของทุกคน
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จํากัด (มหาชน) มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินงานของบริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จัดการของเสียอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ บริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งการกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การเก็บข้อมูลและการวัดผลความคืบหน้าเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานและพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรที่มุ่งเป้าไปสู่การเป็นองค์กรยั่งยืน โดยเซ็นทาราเป็นกลุ่มโรงแรมแรกในไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน GSTC (Global Sustainable Tourism Council) ปัจจุบันมี 24 โรงแรมผ่านการรับรองแล้ว และตั้งเป้าภายในปี 2025 ทุกโรงแรมในเครือต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน GSTC มีระบบภายในที่ใช้ในหลักในการดำเนินงาน ภายใต้ชื่อ Centara Earthcare ซึ่งเป็นมาตรฐานการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเซ็นทาราที่ได้รับการรับรอง GSTC-Recognised Standard จาก GSTC ถือเป็นกลุ่มโรงแรมแรกในเอเชียที่นำเกณฑ์ของ GSTC มาใช้ในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของธุรกิจโรงแรม มีการดำเนินโครงการ อาทิเช่น
โครงการ Green Area
• การดูแลรักษาพื้นที่สีเขียว สัดส่วนพื้นที่สีเขียวทั้งหมดของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา คิดเป็น 37% ของพื้นที่ทั้งหมด
• โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นำร่องเป็นโรงแรมต้นแบบแห่งแรกของเครือเซ็นทารา ทำฟาร์มผักออร์แกนิก โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่บริเวณชั้น 26 ของโรงแรมปลูกผักและสมุนไพรตามฤดูกาลหลากหลายชนิด
• โรงแรมในประเทศและต่างประเทศได้ร่วมกันปลูกต้นไม้รวม 1,009 ต้น ทั้งภายในพื้นที่โรงแรมและพื้นที่สาธารณะรอบโรงแรม เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโรงแรมและพื้นที่โดยรอบ พร้อมทั้งดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่และต้นไม้ท้องถิ่น อาทิต้นจามจุรี ต้นก้ามปู ต้นกระฮุง ที่อยู่ในพื้นที่ของโรงแรมเป็นอย่างดี
• โครงการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการังรอบโรงแรม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ และเซ็นทารา ราส ฟูชิ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์ ดำเนินการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการังรอบโรงแรม ด้วยวิธีการย้ายปลูกปะการัง (Transplantation) นำปะการังเขากวาง (Acropora) ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora) ที่แตกหักตามธรรมชาติหรือตกหล่นบนพื้นทรายผูกติดกับโครงสร้างเหล็กเส้น และนำตัวโครงเหล็กวางลงใต้น้ำบนพื้นทราย ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการฟื้นฟูปะการังตั้งแต่ปี 2557 โดยทำกิจกรรมร่วมกับทั้งลูกค้า และพนักงานในทุกๆ เดือน สำหรับในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการปลูกปะการังไปแล้วมากกว่า 1,000 กิ่ง
ภายในงานครั้งนี้ นอกจากจะมีกิจกรรมเวิร์คชอปสนุกสนานแบบรักษ์โลกแล้ว กลุ่มเซ็นทรัล ดำเนินการจัดงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ Carbon Neutral Event ผ่านการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเชิญชวนผู้ร่วมงานร่วมมือกันชดเชยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ แบบ Realtime ผ่าน Application CERO Carbon Wallet รวมทั้งเชิญชวนนำขวดเปล่ามาแลกเครื่องดื่มจากบูธร้าน good goods ฟรีในงาน เพื่อนำขวดเข้าโครงการ “ขวดเปล่าไม่สูญเปล่า #4 ทำเพื่อน้องสู้ภัยหนาว” อีกด้วย
กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ มุ่งมั่นสร้างโลกสีเขียวที่ยั่งยืน ด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพให้กลับมาสมบูรณ์ โดยเชื่อว่าหากทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจกัน จะช่วยส่งต่อโลกที่สวยงามและน่าอยู่สู่คนรุ่นถัดไปได้อย่างแน่นอน