คอลเกตจับมือกรมอนามัย เปิดแคมเปญ“ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” ชวนคนไทยใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างถูกวิธี
สร้างสุขภาพช่องปากที่ดี รับเดือนแห่งการรณรงค์ดูแลสุขภาพช่องปากคนไทย พร้อมให้ความรู้และชวนคนไทยตรวจสุขภาพช่องปากฟรี 77 จังหวัด ลดปัญหาคนไทยกว่า 50% ฟันผุ
จากผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 9 ปี 2566 โดยสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย พบว่าคนไทยเกือบครึ่งหนึ่งมีปัญหาสุขภาพช่องปาก โดยมากกว่า 50% มีปัญหาฟันผุ
รอฟ กูร์บุช กรรมการผู้จัดการ ศูนย์รวมภูมิภาคอินโดจีน บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดตัวแคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” โดยรณรงค์ให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกต้อง ซึ่งควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และบีบเต็มแปรงสำหรับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป เพื่อปริมาณฟลูออไรด์ที่เหมาะสม พร้อมทั้งจัดบริการตรวจสุขภาพช่องปากทั่วประเทศ
ดร.นายแพทย์ปองพล วรปานิ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การมีสุขภาพช่องปากที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญสู่การมีสุขภาพที่ดีในทุกช่วงวัย สุขภาพช่องปากมีความจำเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิต เพราะนอกจากจะใช้บดเคี้ยวอาหารแล้ว ยังมีส่วนสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน สถานการณ์สุขภาพช่องปากของประชาชนไทย จากรายงานผลสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ปี 2566 พบว่าคนไทยทุกช่วงวัยมีปัญหาสุขภาพช่องปากในระดับที่สูง ในวัยผู้ใหญ่มีฟันผุยังไม่ได้รับการรักษาถึง 53% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งที่ผ่านมาในปี 2560 โดยสาเหตุหลักเกิดจากการแปรงฟันไม่เหมาะสม เช่น ใช้เวลาแปรงฟันนานน้อยกว่า 2 นาที เลือกใช้ยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ประชาชนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมในแต่ละวัย รวมทั้งการเข้าถึงบริการทันตกรรมอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เป็นต้น”
แคมเปญนี้ เป็นการสร้างความตระหนักให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยลดปัญหาในช่องปากของคนไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งวิธีการง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้ในการดูแลสุขภาพช่องปากคือ แปรงฟันด้วยสูตร 2-2-2 คือ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ครั้งละ 2 นาทีขึ้นไป และงดรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมงหลังแปรงฟัน พร้อมแนะนำให้ตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยในเดือนตุลาคมซึ่งเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ดูแลสุขภาพช่องปากคนไทย ทันตบุคลากรในสถานบริการสาธารณสุขภาครัฐ ทั่วประเทศร่วมกิจกรรมตรวจสุขภาพช่องปากฟรี และจัดกิจกรรมวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปี โดยให้บริการทันตกรรมฟรีแก่ประชาชน เพื่อสร้างรอยยิ้มที่สุขภาพดีให้กับทุกคน
นอกจากจะส่งเสริมความรู้พื้นฐานเรื่องสุขภาพช่องปาก และเพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพให้คนไทย ยังสามารถช่วยลดจำนวนผู้ที่มีปัญหาฟันผุซึ่งสามารถป้องกันได้ ความร่วมมือครั้งนี้ดำเนินการผ่านเครือข่ายทันตบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยบริการตรวจสุขภาพช่องปากฟรี เพื่อให้ทราบปัญหาสุขภาพช่องปากตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ประชาชนเข้าถึงบริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น ช่วยลดความรุนแรงของปัญหาสุขภาพช่องปาก และลดค่าใช้จ่ายในการรักษา ช่วยลดภาระด้านสาธารณสุขของภาครัฐและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น
รอฟ กล่าวว่า คอลเกต ริเริ่มโครงการ ฟ.ฟันสวยยิ้มใส (Bright Smiles, Bright Futures) ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์เพื่ออนาคตเด็กไทยที่ไม่มีฟันผุมาเป็นระยะเวลากว่า 26 ปีโดยให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากฟรีแก่เด็ก ๆ ทั่วประเทศ และเพื่อต่อยอดความมุ่งมั่นดังกล่าว แคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากอย่างจริงจัง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ผ่านการสื่อสารถึงวิธีการแปรงฟันและใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม โดยควรบีบเต็มแปรง สำหรับเด็กอายุมากกว่า 6 ปีขึ้นไป ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ
สำหรับกิจกรรมหลักของแคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” ในเดือนตุลาคมจะมุ่งเน้นให้คนไทย เข้าถึงบริการตรวจสุขภาพช่องปากที่ครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งประกอบด้วย เชิญชวนคลินิกทันตกรรมทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง ให้บริการตรวจสุขภาพช่องปากฟรี มีการจัดทําและผลิตสื่อความรู้รณรงค์ให้คนไทยดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ส่งมอบยาสีฟันคอลเกต รสยอดนิยม ขนาด 20 กรัม ซึ่งผสานแคลเซียมและฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 77 จังหวัด เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรม วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ
นอกจากนั้น คอลเกตยังจัดเตรียมหน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อลงพื้นที่ตรวจสุขภาพช่องปากฟรี ในชุมชน 5 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมเดินหน้าให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ผ่านการรณรงค์โดยอินฟลูเอนเซอร์ และการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ บนช่องทางทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แบบครบวงจร เพื่อกระตุ้นการสื่อสารและสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจให้กับ ประชาชนทุกเพศทุกวัยอย่างต่อเนื่อง