ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เดินหน้าแนวคิด ‘Living with Water’ จัดกิจกรรม ‘เทรน เดอะ เทรนเนอร์’ อบรมครูพี่เลี้ยงรักษ์น้ำ และ ‘ค่ายเยาวชนรักษ์น้ำ’ นำพนักงานจิตอาสาร่วมโครงการให้ความรู้เรื่องน้ำแก่เยาวชน
นายโอเมอร์ มาลิค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ซันโทรี่และเป๊ปซี่ กล่าวว่า จากแนวคิด ‘ลิฟวิ่ง วิท วอเตอร์ : Living with Water’ หรือ ‘มิซู โตะ อิคิรุ’ บริษัทได้นำมาต่อยอดสู่ กิจกรรม “เทรน เดอะ เทรนเนอร์” จัดฝึกอบรมครูและบุคลากรในท้องถิ่น เพื่อนำองค์ความรู้เรื่องน้ำและการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำ ไปถ่ายทอดให้แก่นักเรียนและคนในชุมชนในวงกว้าง
ส่วน “ค่ายเยาวชนรักษ์น้ำ” เป็นกิจกรรมให้ความรู้เรื่องน้ำ ปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์น้ำและการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าให้แก่นักเรียน ในจังหวัดระยอง จังหวัดสระบุรี และจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งสองกิจกรรมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการให้ความรู้เรื่องน้ำ (มิตซุยกุ) เพื่อเป็นการตอกย้ำแนวคิด ‘ลิฟวิ่ง วิท วอเตอร์ (Living with Water)’ หรือ ‘มิซู โตะ อิคิรุ’ ซึ่งเป็นปรัชญาหลักที่เรายึดมั่น เพราะเราได้ตระหนักถึงความสำคัญของ “น้ำ” ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่เราใช้ในการดำเนินธุรกิจ และยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของทุกชีวิตบนผืนโลก โดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการในความร่วมมือระหว่าง บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด และมูลนิธิรักษ์ไทย
ทั้ง 2 กิจกรรมได้จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งกิจกรรม เทรน เดอะ เทรนเนอร์ ได้รับความสนใจจากครู และบุคลากรท้องถิ่นเป็นอย่างมาก โดยในระหว่างการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการครูพี่เลี้ยงรักษ์น้ำที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันนั้น มีทั้งกิจกรรมการบรรยายให้ความรู้เรื่องความสำคัญของการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน เนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนที่สำคัญสำหรับนักเรียน การให้ความรู้ด้านเทคนิคการสอนผ่านการปฎิบัติการด้านการอนุรักษ์น้ำอย่างมีส่วนร่วม
การพัฒนากระบวนการคิดสร้างสรรค์กับการอนุรักษ์น้ำ การออกแบบและผลิตสื่อการเรียนรู้ต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโครงงานของเด็กนักเรียนด้านการอนุรักษ์น้ำ เป็นต้น ซึ่งในภาคปฏิบัติได้มีการจำลองห้องเรียนการสอนเรื่องการอนุรักษ์น้ำ โดยมีคุณครู และบุคลากรในท้องถิ่นจำนวน 93 คน จาก 43 โรงเรียนในจังหวัดระยอง จังหวัดสระบุรี และจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมกิจกรรม
สำหรับค่ายเยาวชนรักษ์น้ำ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นสำหรับนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – มัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และลงมือปฏิบัติผ่านกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบกิจกรรมฐานเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำ ซึ่งออกแบบเน้นการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม การคิดวิเคราะห์วางแผน พร้อมเสริมสร้างทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม
ตลอดทั้ง 3 วัน เด็กและเยาวชนได้เข้าร่วมทั้งกิจกรรมสันทนาการและกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ต่างๆ เกี่ยวกับน้ำ อาทิ วัฏจักรของน้ำ น้ำกับชีวิตประจำวัน แผนผังน้ำในโรงเรียน ปัญหาและสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับน้ำในโรงเรียน นักสืบสายน้ำ การทำแผนที่สำรวจแหล่งน้ำในชุมชน การตรวจวัดคุณภาพน้ำด้านกายภาพและชีวภาพ และการทำน้ำให้สะอาดด้วยวิธีการต่างๆ โดยน้องๆ ได้มีการนำเสนอแผนกิจกรรมโครงงานด้านการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียนของตนเองด้วย ซึ่งค่ายเยาวชนรักษ์น้ำครั้งนี้ มีเด็กและเยาวชนจำนวนรวม 245 คน และคุณครู 62 คน จาก 32 โรงเรียนในจังหวัดระยอง จังหวัดสระบุรี และจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมกิจกรรม โดยทั้ง 2 กิจกรรมมีพนักงานจิตอาสาซันโทรี่ เป๊ปซี่โค จำนวน 53 คน เข้าร่วมเป็นผู้ช่วยครูพี่เลี้ยงเพื่อสอนน้องๆ ทั้งนี้ กิจกรรม ค่ายเยาวชนรักษ์น้ำ กับซันโทรี่ เป๊ปซี่โค จะจัดให้มีขึ้นอีกในเดือนกันยายน และพฤศจิกายนนี้
นางนิตยา เหลียงตระกูล ครูจากโรงเรียนมาบยางพร ที่เข้าร่วมโครงการให้ความรู้เรื่องน้ำ กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมากที่ช่วยสร้างความแข็งแรงทางความคิดเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และสามารถนำไปปฎิบัติได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังฝึกให้นักเรียนได้เรียนรู้ และสัมผัสกับธรรมชาติที่ควรดูแล เนื่องจากปัจจุบัน น้ำขาดแคลนไม่เพียงพอต่อการใช้ของชุมชน เพราะชุมชนขยายใหญ่ขึ้น น้ำฝนไม่สะอาดเหมือนแต่ก่อน แหล่งน้ำถูกรุกจากที่อยู่อาศัย และการทิ้งสิ่งสกปรกลงในน้ำ”
ด.ช.อนุรัตน์ ประชุมพวก นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนชุมชนวัดสุวรรณรังสรรค์ ที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายเยาวชนรักษ์น้ำ กล่าวว่า “รู้สึกดีใจที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมค่ายและได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับน้ำ เพราะเป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ โดยหลังจากจบค่ายนี้ไป ตนเองตั้งใจจะนำความรู้ที่ได้รับจากค่ายนี้ไปบอกเพื่อนๆ และคนในชุมชน เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้คนยังใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย ในส่วนของตนเองนั้นมีความตั้งใจที่จะไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด ใช้น้ำอย่างประหยัด ถ้ามีน้ำเหลือที่ไม่ใช้จะนำไปรดน้ำต้นไม้ และไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลองครับ”