“ความเครียด” เป็นภาวะหนึ่งที่คนเมืองเป็นกันเยอะ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องเผชิญกับภาวะกดดันในการดำรงชีวิต ทั้งเศรษฐกิจ ปัญหาส่วนตัว และอื่นๆ
ที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิต ระบุว่ามีคนไทยอย่างน้อย 1.5 ล้านคนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อันเป็นต้นเหตุพื้นฐานมาจากความเครีดยสะสม ปี 2564 มีผู้พยายามฆ่าตัวตาย 6 คนต่อชั่วโมง และ 70% ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ยังคาดการณ์อีกว่า 1 ปีหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มดีขึ้น แนวโน้มของการฆ่าตัวตายในปี 65 กลับจะสูงถึง 10 เท่าจากปกติ เนื่องจากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ทำให้เกิดความเครียด และหมดความหวังในการดำเนินชีวิต
“ความเครียด” ที่เกิดขึ้นในแต่ละคนมีจกหลากหลายสาเหตุ และมีหลากหลายวิธีบำบัดเพื่อคลายความเครียด ทั้งการช้อปปิ้ง การรับประทานอาหาร การท่องเที่ยว เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่า”ดนตรีบำบัด” ก็เป็นอีกหนึ่งศาสตร์แห่งเสียงที่มีความมหัสจรรย์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาแล้วว่า ดนตรีนั้นสามารถกระตุ้นส่วนต่างๆ ของสมองเพื่อมอบประโยชน์ให้แก่สุขภาพหลายประการ ซึ่งรวมถึงคลายความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า GEN HEALTHY LIFE ได้รวบรวมทริคเกี่ยวกับ “ดนตรีบำบัด” มาให้หนุ่มสาวคนเมืองหลวงได้นำไปปรับใช้กัน
ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าหนุ่มสาวในสังคมมีอาการเครียด หรือภาวะซึมเศร้ากันเป็นจำนวนมากขึ้น ส่วนเด็กเล็กบางกลุ่มก็พบว่ามีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น ดังนั้นจึงมีการนำศาสตร์ดนตรีบำบัด มาเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นำมาช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต รวมถึงการบรรเทา ลดระดับความเจ็บปวดหรือความวิตกกังวล และความเครียด หรือภาวะซึมเศร้าได้ เมื่อใช้ร่วมกับการบำบัดอื่นๆ นอกจากนี้ ดนตรียังช่วยกระตุ้นส่วนต่าง ๆ ของสมองให้รู้สึกผ่อนคลาย สร้างการจดจำที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับกิจกรรมดนตรีบำบัดมีอยู่ 3 วิธีหลัก ได้แก่
“การเล่นดนตรีบำบัด” หรือดนตรีเพื่อคลายเครียด วิธีนี้จะช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น การเล่นเปียโน เพื่อช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก หรือ การร้องเพลง การตีกลองหรือเครื่องดนตรีต่างๆ เพื่อบำบัดความเครียด เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยกระตุ้นการรับรู้และเพิ่มความผ่อนคลายในชีวิตของเรา
“การสันทนาการดนตรีบำบัด” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และ สังคมให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากมีกิจกรรมหลากหลายที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ความจำ และสมาธิ รวมถึงการเคลื่อนไหวร่างกาย และ การหายใจ อาทิ การร้องคาราโอเกะกับเพื่อน ขยับร่างกายผ่อนคลายความเครียดกับการเต้นลีลาศ การเต้นแอโรบิกแดนซ์ ฝึกสมาธิ-เล่นโยคะ โดยใช้ดนตรีเข้ามามีส่วนร่วม
“การฟังดนตรีเพื่อบำบัด” แก่นแท้ของการฟังดนตรีเพื่อบำบัดความเครียด หรือ พัฒนาการใช้ชีวิต ไม่จำเป็นต้องเลือกฟังเฉพาะดนตรีคลาสสิค หรือ เสียงธรรมชาติเท่านั้น เพราะเสียงดนตรีทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น ฮิพฮอพ แร๊ป ร็อค ก็สามารถผ่อนคลายอารมณ์เราได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ว่ามีอารมณ์ร่วมไปกับดนตรีประเภทไหน
อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกเหนื่อยล้า หรือ เครียดจากเรื่องราวรอบตัว ควรให้เวลาตัวเองพักผ่อนสัก 15-20 นาที แล้วเปิดเพลงโปรดฟังเพื่อปลอบประโลมจิตใจ ปล่อยความรู้สึกที่มีภายในใจให้ได้รับการผ่อนคลายอย่างเต็มที่
ต้องยอมรับเลยว่าการใช้ชีวิตในสังคมที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งเราตามไม่ทัน ประจวบกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่ก่อให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวลที่เข้ามาเขย่าจิตใจเราทำให้ไม่สามารถมีความสุขได้ “ดนตรีบำบัด” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางจิตใจ