ลาซาด้า เผยผลสำรวจเชิงลึก “โอกาสจาก AI: เปิดมุมมองและเทรนด์การใช้งาน AI ของผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” จัดทำร่วมกับ Kantar เพื่อศึกษาการรับรู้ การใช้งาน และความท้าทายของผู้ขายใน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม
ผลสำรวจพบว่า แม้กว่า 99% ของผู้ขายไทยจะตระหนักถึงศักยภาพของ AI แต่ เกือบ 70% ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อใช้งาน AI อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในด้านทักษะ ความเข้าใจ และต้นทุนการลงทุน
ไทยติดอันดับ 3 ของภูมิภาคด้านการใช้ AI ในธุรกิจ แต่ยังมี “ช่องว่าง” ให้พัฒนา
ผู้ขายในประเทศไทยใช้ AI ในกระบวนการดำเนินธุรกิจเฉลี่ยที่ 39% ซึ่งอยู่ในอันดับ 3 ของภูมิภาค รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม (42%) อย่างไรก็ตาม มีเพียง 46% ที่รู้จักและเข้าใจ AI อย่างแท้จริง สะท้อนถึง “ช่องว่าง” ระหว่างการรับรู้และการใช้งานจริงที่สูงถึง 15% มากที่สุดในภูมิภาค
อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญคือเรื่องต้นทุน โดย 84% ของผู้ขายไทยกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะทีมงาน แม้จะเห็นว่า AI สามารถช่วยลดต้นทุนระยะยาวได้ก็ตาม

3 กลุ่มผู้ขายยุคใหม่: มือโปร AI, มือใหม่ และผู้ไม่ใช้ AI
จากการวิเคราะห์เชิงลึก ลาซาด้าได้จัดกลุ่มผู้ขายออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- AI Adepts (มือโปร AI): ใช้งาน AI อย่างน้อย 80% ของธุรกิจ — 30% ของผู้ขายไทยอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในภูมิภาค
- AI Aspirants (มือใหม่ AI): ใช้ AI บางส่วน แต่ยังมีความท้าทาย
- AI Agnostics (ยังไม่แตะ AI): ยังไม่ได้นำ AI มาใช้เลย
ในระดับภูมิภาค ผู้ขาย 76% ยังอยู่ในกลุ่มมือใหม่หรือยังไม่เริ่มใช้งานจริง สะท้อนโอกาสในการขยายโซลูชันและการสนับสนุนอย่างเร่งด่วน

ฟีเจอร์ AI ใหม่จากลาซาด้า ช่วยผู้ขายปรับตัวสู่อนาคต
เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของผู้ขายในยุคดิจิทัล ลาซาด้าได้เปิดตัว “คู่มือการเตรียมพร้อมด้าน AI สำหรับผู้ขายออนไลน์” พร้อมโซลูชัน AI ที่ใช้งานง่าย เช่น:
- AI Smart Product Optimisation: สร้างชื่อและคำอธิบายสินค้าให้น่าสนใจ พร้อมภาพสินค้าระดับมืออาชีพ
- AI-Powered Translations: แปลข้อมูลสินค้าเป็นหลายภาษา เพื่อเข้าถึงลูกค้าในตลาดต่างประเทศ
- Lazzie Seller Chatbot: ผู้ช่วย AI ให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์สำหรับผู้ขาย
พร้อมด้วยเครื่องมืออื่น ๆ เช่น Lazada Business Advisor, Sponsored Solutions, และ Virtual Try-Ons ที่มีผู้ขายใช้และพึงพอใจในอัตราสูงถึงกว่า 60%

สร้างอีโคซิสเต็ม AI ให้ครอบคลุม – เป้าหมายสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ยั่งยืน
เจมส์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวว่า
“แม้ผู้ขายส่วนใหญ่เข้าใจถึงศักยภาพของ AI แต่หลายคนเพิ่งเริ่มต้นเส้นทางนี้ เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่จำกัดแค่ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีทุนหนา เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือของทุกคน และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกอีคอมเมิร์ซ”
AI กับความยั่งยืน: โอกาสที่มากกว่าความสะดวก คือการเติบโตอย่างรับผิดชอบ
AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ผู้ขายออนไลน์สามารถเติบโต อย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน
- ลดของเสียและทรัพยากรที่ใช้เกินจำเป็น:
การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายและพฤติกรรมผู้บริโภค ช่วยให้ผู้ขายสามารถบริหารสต็อกได้แม่นยำขึ้น ลดสินค้าค้างสต็อกและการผลิตเกินความจำเป็น ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งต้นทุนและสิ่งแวดล้อม
- ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์:
ด้วยระบบ AI ที่ช่วยปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์ เช่น การจัดเส้นทางการจัดส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว
- การเข้าถึงอย่างเท่าเทียม:
แพลตฟอร์ม AI ของลาซาด้าช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กหรือในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง สอดคล้องกับหลักการของ “การเติบโตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
- การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง:
ผู้ขายที่เรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมกับเทคโนโลยี AI จะสามารถยกระดับทักษะของทีมงาน และสร้างความมั่นคงทางอาชีพได้ในระยะยาว ถือเป็นการลงทุนด้านทุนมนุษย์ที่สำคัญต่อความยั่งยืนของธุรกิจ
“AI ไม่เพียงเป็นเครื่องมือช่วยขาย แต่คือพันธมิตรด้านความยั่งยืน ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการทุกระดับเติบโตได้อย่างสมดุล ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”
— เจมส์ ตง, CEO ลาซาด้า กรุ๊ป