“สถาบันยานยนต์” จับมือ “อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์” สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทะยานสู่ความยั่งยืน ขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งอนาคต ชี้ยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง มีการจดทะเบียนใช้งานแล้วกว่าแสนคัน
ดร. เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า สถาบันยานยนต์ตระหนักเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำอย่างไรที่จะร่วมผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์เดินหน้าตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals : SDGs ชุดเป้าหมายการพัฒนาระดับโลกที่ทุกประเทศต้องดำเนินการร่วมกันตั้งแต่ปี 2016 – 2030 โดยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมาย ได้แบ่งออกเป็น 5 มิติ ซึ่งการจัดงานสัมมนา Automotive Summit 2024 ในปีนี้ สถาบันยานยนต์ และ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ ได้สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของ Sustainable Development Goals สร้างสมดุล 3 เสาหลักสู่มิติแห่งความยั่งยืน ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อม มาเป็นแนวคิดหลักของการจัดงานในครั้งนี้ “Future Mobility Towards Sustainability มุ่งสู่นวัตกรรมการขับเคลื่อนแห่งอนาคตเพื่อความยั่งยืน”
ไฮไลท์ของงานสัมมนา Automotive Summit 2024 ในปีนี้ แบ่งออกเป็น 3 Session หลัก ได้แก่ ECONOMY ENVIRONMENT และ SOCIAL ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานชั้นนำของภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 16 หน่วยงาน ทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ ผู้ทรงคุณวุฒิจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) / กรมขนส่งทางบก / สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องมาตรฐานการทดสอบชั้นนำจากต่างประเทศอย่างเช่น จีน เกาหลีใต้ ยุโรป และในโอกาสนี้ต้องขอขอบคุณ กระทรวงอุตสาหกรรม / โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และ บริษัท ออโตลิฟ (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งองค์กรอีกมากมายที่เป็นผู้ให้การสนับสนุนการจัดสัมมนาในครั้งนี้
วราภรณ์ ธรรมจรีย์ กรรมการผู้จัดการ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ (RX Tradex เดิมชื่อ รี้ด เทรดเด็กซ์) ผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าแห่งอาเซียน กล่าวว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน บริษัทฯ กำหนดจัดงาน Manufacturing Expo มหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตและอุตสาหกรรมสนับสนุน ซึ่งประกอบด้วย 7 งานเฉพาะทางในมหกรรมเดียว และหนึ่งในนั้นคืองาน “Automotive Manufacturing” งานสำหรับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ครบครันที่สุดในอาเซียน
งาน Automotive Manufacturing 2024 ในปีนี้ กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Transition to Future Mobility พุ่งทะยานสู่ยานยนต์แห่งอนาคต” ที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ได้ก้าวทันกระแสความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเรื่องยานยนต์ไฟฟ้าและระบบนิเวศที่รองรับ นโยบายด้านการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือแนวทางเพื่อบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกธุรกิจต้องรับทราบและปรับตัว เพื่อคงสถานะการเป็นส่วนหนึ่งของ Value Chain ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก
ในงาน Automotive Manufacturing จะมีการแสดงเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ เครื่อง Machining Center แนวตั้งความเร็วสูง เครื่องตรวจสอบคุณภาพชิ้นงาน เครื่องตรวจวัดชิ้นงานแบบมือถือ เครื่องทำความสะอาดชิ้นงานระบบอัตโนมัติ ปั๊มไฮดรอลิกประหยัดพลังงาน และวัตถุดิบที่ใช้ทำชิ้นส่วนยานยนต์อย่างอลูมิเนียมคาร์บอนต่ำเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
โดยงานสัมมนา Automotive Summit 2024 นี้ ยังคงเป็นไฮไลท์สำคัญของงานที่นอกจากผู้เข้าร่วมฟังสัมมนาจะได้รับองค์ความรู้ใหม่แล้ว ยังจะได้เข้าชมเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย โดยผู้ชมงาน ต้องแต่งกายสุภาพ ไม่สวมรองเท้าแตะหรือกางเกงขาสั้น เนื่องจากงานเป็นงานเจรจาธุรกิจ
ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ ในปี 2566 ที่ผ่านมาว่า ตลาดยานยนต์ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของ GDP ประเทศ การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก อันดับ 5 ของเอเชีย และอันดับ 1 ของอาเซียน โดยเฉพาะยานยนต์สันดาปภายใน ที่ไทยเป็นฐานการผลิตมายาวนานและภาครัฐให้ความสำคัญ โดยมุ่งเน้นการผลิตยานยนต์สันดาปภายในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงและมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ พร้อมตั้งเป้าหมายภายในปี 2030 ไทยจะมีสัดส่วนการผลิตยานยนต์สันดาปภายใน 70% และจะเป็นฐานการผลิต “ยานยนต์สันดาปภายในแห่งสุดท้ายของโลก”
ด้านการส่งออก ประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกรถยนต์ใน 3 ภูมิภาคหลัก คือ เอเชีย โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง มากกว่า 70% ของปริมาณการส่งออกรวม สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมาก โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ถึง 19,776.19 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 688,531.24 ล้านบาท จากแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของการส่งออกรถยนต์ของไทย ทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศที่มีมากกว่า 2,300 รายมีการขยายตัวไปด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย อยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากการผลิตยานยนต์แบบดั้งเดิม มาเป็นการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ ที่เน้นด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจกสูง ภายใต้นโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นและผลักดันให้ยานยนต์ที่ผลิตในประเทศเป็นยานยนต์ที่ “สะอาด ประหยัด และปลอดภัย” เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ ควบคู่ไปกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
จากมาตรการการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การใช้งานและโครงสร้าง พื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของไทยขยายตัวอย่างวรวดเร็ว โดยปัจจุบัน มีค่ายรถยนต์ทั้งจากประเทศจีนและญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนและมีแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในประเทศไทยในปี 2567 กว่า 9 ราย นำโดย BYD, MG , Changan, NETA, GAC, Nissan ฯลฯ โดยมีกำลังการผลิตรวมกว่า 596,000 คันต่อปี ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ไทยเริ่มมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในประเทศ โดยมีปริมาณการผลิตรวม 2,466 คัน นำโดย ค่าย GWM, MG และ Honda (ผลิตรถยนต์ BEV HRV-en1 จำนวน 30 คันในเดือน มกราคม 2567 ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยมีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BEV ทั้งสิ้น 73,568 คัน อัตราการขยายตัว 694% ขณะที่ในช่วงไตรมาสแรกของ ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BEV กว่า 19,131 คัน ซึ่งหากพิจารณาตามข้อมูลสถิติ ปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าสะสมในประเทศไทย พบว่า จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนรถไฟฟ้า BEV ที่จดทะเบียนแล้วกว่า 113,435 คัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
งานสัมมนา “Automotive Summit 2024” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 มิถุนายน 2567 นี้ ระหว่างเวลา 09.00-16.30 น. ณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 ห้อง 203 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ผู้สนใจ เข้าร่วมฟังสัมมนา สามารถตรวจสอบกำหนดการ หัวข้อสัมมนา และลงทะเบียนสำรองที่นั่งได้แล้วที่ www.manufacturing-expo.com เลือกเมนูสัมมนา