เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ผสานแนวคิด ESG สร้างธุรกิจเติบโตมั่นคง ผ่าน 3 เสาหลัก Distribution focused – Customer FIRST – People Empowerment
อาร์ช คอลมิ (Mr. Arsh Kaumi) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ปรับองค์กรพร้อมกำหนดกลยุทธ์ปี 2025-2027 มุ่งขยายช่องทางจำหน่าย ลุยลงทุนด้านเทคโนโลยี ขับเคลื่อนความเป็นเลิศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนไป พร้อมยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และแนวทางด้าน ESG ซึ่งสอดรับแนวคิดเจนเนอราลี่ กรุ๊ป LIFTTIME PARTNER 27 : DRIVING EXCELLENCE ที่ตั้งเป้าสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติงานประกัน
ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวสำคัญของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จากการวางรากฐานที่แข็งแกร่งใน 3 เสาหลัก ได้แก่
- Distribution focused มุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการขาย เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ผ่านช่องทางและแพลตฟอร์มทั้งหมด ด้วยรูปแบบการให้คำปรึกษาที่ได้รับการฝึกอบรมพร้อมเครื่องมือที่ครบครัน

- Customer FIRST เพิ่มศักยภาพด้านงานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับความรวดเร็ว เข้าถึงง่าย และสะดวกสบายกว่าเดิม ผ่านเครื่องมือดิจิทัลและกระบวนการที่คล่องตัว
- People Empowerment สร้างรากฐานการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรด้วยบุคลากรคุณภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กรเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์
การวางรากฐานที่สำคัญเหล่านี้ ส่งผลให้ในปี 2024 เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ประสบความสำเร็จ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตสูงสุดในกลุ่มบริษัทประกันชีวิตชั้นนำของไทย ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 24.6% โดยเฉพาะการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่มุ่งเน้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจัยการเติบโตนี้ มาจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง รวมถึงการเพิ่มศักยภาพของช่องทางการจำหน่าย ทำให้สามารถขยายและเข้าถึงฐานลูกค้าหลากหลายกลุ่มอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการ จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้คะแนนสำรวจความพึงพอใจผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ (Relational Net Promoter Score- RNPS) คงครองอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจประเทศไทยในระยะยาว และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยในปี 2025 ได้กำหนดทิศทางการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ คำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าและพันธมิตร ดังนี้

1. เสริมสร้างพันธมิตรเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถขยายตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยตั้งเป้าการเติบโตแบบดับเบิลดิจิ (Double Digits) ในปี 2025-2027
2.มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ตามความต้องการที่หลากหลาย แต่ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถดูแลลูกค้าได้ในระยะยาว รองรับเทรนด์สังคมสูงวัยและ แนวคิดด้าน ESG ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. เพิ่มศักยภาพด้านงานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในทุกช่องทาง พร้อมขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จึงได้ลงทุนพัฒนา แอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ อย่าง GEN 365 เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า และการให้บริการของทีมขายรวมไปถึงการพัฒนาฝ่ายปฏิบัติการด้านบริการด้วยการใช้ RPA (Robotic Process Automation) และ AI ปัญญาประดิษฐ์ ที่ช่วยให้การบริการ ด้านสินไหม รวดเร็วครอบคลุมพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการใช้บริการ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างสะดวก มีประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการทำงานมีความคล่องตัว ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
ทั้งนี้ เจนเนอราลี่ ยังคงเดินหน้าลงทุนในการพัฒนาบุคลากรและตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งสร้างการเติบโตและเพื่อให้มีความพร้อมที่จะให้บริการลูกค้า
ส่วนของการตอบแทนสังคม เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ดำเนินโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมมือกับ The Human Safety Net (THSN) องค์กรโครงข่ายความร่วมมือเพื่อมวลมนุษยชาติ สนับสนุนพ่อแม่ Gen Y และ Gen Z ที่อาจขาดความพร้อมและโอกาสในสังคมไทย ได้พัฒนาเสริมศักยภาพการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการร่วมมือกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) สนับสนุนการเติบโตและความยั่งยืนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) ในประเทศไทย
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ คือ “Deliver on Promise” หรือการส่งมอบบริการตามคำมั่นสัญญากับลูกค้า พันธมิตร และสังคม ด้วยความมุ่งมั่นและความซื่อสัตย์ เพื่อสร้างความไว้วางใจสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ส่วนสำคัญที่สุดคือการเป็น Life time partner อยู่เคียงข้างกับลูกค้า และพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ก่อนหน้านี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ยังได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาที่ “พาร์ค สีลม” เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน และสานต่อกลยุทธ์ Hybrid Work Model เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อาร์ช กล่าวว่า เจนเนอราลี่ เชื่อว่า ‘บุคคลากร’ คือสิ่งที่มีค่าทีสุดขององค์กร” การย้ายสำนักงานใหญ่ สู่อาคาร “พาร์ค สีลม” (Park Silom) เป็นการลงทุนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำนักงานที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินเท่านั้น แต่ยังส่งเสริม และยกระดับประสบการณ์การทำงานของพนักงาน และยังคำนึงถึงการทำงานในรูปแบบ Smart Workplace เพิ่มพื้นที่ส่วนกลางให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ เพื่อรองรับการทำงานหลากหลายรูปแบบ มีการติดตั้งเทคโนโลยีสำนักงานอัจฉริยะ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน อาคารสำนักงานตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่มีความสะดวกในการเดินทาง เชื่อมต่อทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT รวมถึงการให้ความสำคัญพื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อน โดยตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับมาตรฐานอาคารสีเขียว ระดับสากล (LEED Certification: Gold Level)
ก้าวสำคัญของความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ สะท้อนถึงพันธกิจ ที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมนวัตกรรม สร้างความเป็นอยู่ที่ดี และการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งผลต่อการยกระดับการให้บริการลูกค้าของเรา สอดรับกับพันธกิจของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างต่อเนื่อง