จุฬาฯ – World Economic Forum เผยรายงาน The Future of Jobs 2025 ระบุ เทคโนโลยี AI ขับเคลื่อนงานตำแหน่งผุด 170 ล้านตำแหน่ง ส่วนงานเก่าหายแน่กว่า 92 ล้านตำแหน่ง ชี้ทักษะแห่งอนาคต แรงงานต้องเพิ่มทักษะใหม่ ปรับบทบาทการทำงาน พร้อมผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ากับการทำงาน
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยรายงาน ” Future of Jobs 2025″ ซึ่งสำรวจจาก 1,000 บริษัท ครอบคลุมพนักงาน 14 ล้านคน ใน 22 อุตสาหกรรม จาก 55 ประเทศทั่วโลก พบว่าตลาดแรงงานระหว่างปี พ.ศ. 2568–2573 มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ตั้งแต่เรื่องของตำแหน่งงานใหม่ ที่จะมีผุดขึ้นอย่างน้อย 170 ล้านตำแหน่ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม และ 92 ล้านตำแหน่งงานเดิมที่จะหายไป เนื่องจากระบบอัตโนมัติและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ส่วนภาพรวมของการเติบโตการจ้างงานจะอยู่ที่ 7% หรือเท่ากับ 78 ล้านตำแหน่งงานทั่วโลก
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดแรงงานปี 2573 มีการเปลี่ยนแปลง เรียงลำดับความสำคัญ ดังนี้
1.การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี AI หุ่นยนต์ และนวัตกรรมด้านพลังงานเป็นปัจจัยหลักที่เปลี่ยนแปลงบทบาทงานและทักษะ
2.การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกระตุ้นความต้องการวิศวกรสิ่งแวดล้อมและพลังงานหมุนเวียน
3.ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเป็นความท้าทายสำคัญ
4. การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร ประชากรสูงอายุในประเทศรายได้สูงและแรงงานขยายตัวในประเทศรายได้ต่ำปรับเปลี่ยนตลาดแรงงาน
5.การแบ่งแยกทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ข้อจำกัดทางการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อรูปแบบธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ทำให้แรงงานต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่ ทักษะในอนาคตสำหรับตลาดแรงงานไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก มีการประเมินว่า ภายในปี พ.ศ. 2573 จำนวน 2 ใน 5 ของทักษะที่มีอยู่จะถูกเปลี่ยนแปลง ทักษะที่สำคัญของไทย คือ ทักษะด้าน AI และ Big Data ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ ทักษะด้านเครือข่ายและความปลอดภัยทางข้อมูล
ในขณะที่ระดับโลก เน้นทักษะด้าน AI และ Big Data ทักษะด้านเครือข่ายและความปลอดภัยทางข้อมูล ความฉลาดในการใช้งานเทคโนโลยี และทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์
ดังนั้น การที่แรงงานไทยจะอยู่รอด ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก โดยมีกลยุทธ์สำคัญ 5 ประการ
- เพิ่มทักษะที่จำเป็นให้แก่บุคลากร: เตรียมคนไทยให้พร้อมด้วยความรู้และทักษะที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน
- สรรหาบุคลากรที่มีทักษะใหม่ๆ: ค้นหาและสนับสนุนผู้ที่มีศักยภาพในทักษะที่ตรงกับความต้องการของเศรษฐกิจยุคใหม่
- ยกระดับกระบวนการทำงาน ด้วย Automation: ใช้ระบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
- ปรับบทบาทการทำงานของบุคลากร: ให้บุคลากรมีคุณค่าเพิ่มในงานยุคใหม่
- ผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เข้ากับการทำงาน: เชื่อมโยงเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างนวัตกรรมที่เพิ่มคุณค่าและความสามารถในการแข่งขัน
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก้าวสู่การเป็น ’The University of AI‘ มหาวิทยาลัยที่มุ่งสร้าง “คนพันธุ์ใหม่” หรือ “Future Human” ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญในการใช้งาน AI (Artificial Intelligence) แต่ยังเปี่ยมด้วยทักษะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง II (Instinctual Intelligence) หรือ “ปัญญาสัญชาตญาณ” ซึ่งสร้างสรรค์ปัญญาที่ไม่อาจประดิษฐ์ขึ้นได้ ที่สำคัญ ‘คนพันธุ์ใหม่’ จะต้องไม่ได้มีเพียงสมองที่ชาญฉลาด แต่ต้องมีหัวใจที่ดีงาม ที่จะเปลี่ยนความสามารถทางเทคโนโลยีให้เป็นพลังที่สร้างคุณค่าแก่ทั้งตนเองและสังคม