เซ็นทรัลพัฒนา กับกว่า 50 แบรนด์พันธมิตร ร่วมลดการใช้ไฟฟ้า ลดขยะ ลดปล่อยก็าซเรือนกระจกแล้ว 360 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ประกาศเดินหน้าต่อโครงการ ‘Green Partnership รวมพลังพันธมิตรลดโลกร้อน’ ตอกย้ำองค์กรแห่งความยั่งยืน
อิศเรศ จิราธิวัฒน์ Head of Fashion and Luxury Partner Management บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ กล่าวว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เดินหน้าแคมเปญ “Journey to NET Zero 2050” มอบรางวัลแก่แบรนด์พันธมิตรชั้นนำ ที่สามารถดำเนินการตามมาตรการลดการใช้ไฟฟ้า รวมถึงการจัดการขยะอย่างมีความรับผิดชอบ ในโครงการ ‘Green Partnership รวมพลังพันธมิตรลดโลกร้อน ปี 2023’ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศของโลก มุ่งสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำและขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน
โครงการ Green Partnership รวมพลังพันธมิตรลดโลกร้อน เป็นอีกหนึ่งแผนงานที่อยู่ภายใต้แคมเปญ Journey to NET Zero 2050 ของเซ็นทรัลพัฒนา มุ่งหน้าขับเคลื่อนองค์กรแห่งความยั่งยืน สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับแผนพลังงานแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นปรับบทบาทองค์กรเพื่อก้าวสู่ยุค Energy Transition ปลดล็อคและจับมือทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการพัฒนาสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำควบคู่กับการเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจ ผนวกกับภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น
เซ็นทรัลพัฒนาจึงเดินหน้าโครงการ Green Partnership ผนึกกำลังกับพันธมิตรคู่ค้าชั้นนำ (Tenant Collaboration) โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการร้านค้า และผู้เช่าสำนักงาน ช่วยกันลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่สิ่งแวดล้อม เสริมด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชัน ‘Central Pattana SERVE’ เพิ่มฟีเจอร์ประวัติการใช้สาธารณูปโภค เพื่อติดตามและเปรียบเทียบปริมาณการใช้ไฟฟ้ารายเดือนและรายปี
อุทัยวรรณ อนุชิตานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารความเป็นเลิศ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา มีแบรนด์คู่ค้าชั้นนำเข้าร่วมโครงการ Green Partnership รวมพลังพันธมิตรลดโลกร้อน กว่า 50 แบรนด์ รวม 1,000 สาขาทั่วประเทศ พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำร่วมกัน ภายใต้โครงการนี้ ร้านค้าสามารถร่วมกันประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 719,171 กิโลวัตต์ – ชั่วโมง คิดเป็นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ 360 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยมี 6 แบรนด์ชั้นนำที่ได้รับรางวัล Green Reward รางวัลดีไซน์สุดพิเศษ ออกแบบโดยศิลปิน ‘ธนวัต มณีนาวา’ หรือ ‘เป๋ TAM:DA’ โดยนำวัสดุรีไซเคิลจากเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ และยังคงเดินหน้าสานต่อโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างพันธมิตรสีเขียวที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
6 แบรนด์ชั้นนำที่ได้รับรางวัล Green Partnership Reward 2023 โดยแบ่งกลุ่มรางวัลออกเป็น 2 ประเภท
1) Top 3 แบรนด์ที่ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ % รวมสูงสุด ได้แก่ Chabuton, ADVICE และ P.A. Phone
2) Top 3 แบรนด์ที่ลดปริมาณหน่วยการใช้ไฟฟ้าในภาพรวมได้สูงสุด ได้แก่ Uniqlo, AIS และBONCHON
อริฮิโตะ มัตซึโมโต้ Chief Operating Officer of UNIQLO Thailand กล่าวว่า ความยั่งยืนคือสิ่งที่ยูนิโคล่มุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้นจริงในทุกองค์ประกอบของห่วงโซ่อุปทาน เริ่มตั้งแต่การผลิตสินค้าเท่าที่จำเป็น โดยยึดตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และมีคุณภาพดีใช้งานได้นาน ในส่วนของสาขาเราให้ความสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการติดตั้งไฟ LED ในร้านค้า ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ให้ความรู้แก่พนักงานด้วยการดำเนินการที่เรียบง่ายแต่ได้ผล เช่น การปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน ท้ายที่สุด การสร้างความยั่งยืนจะเดินหน้าได้ดี เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ด้วยการผนึกกำลังกับเซ็นทรัลพัฒนา เรามุ่งหวังที่จะสร้างชุมชนที่ดี เพื่อให้สังคมของเราก้าวหน้าไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน”
สายชล ทรัพย์มากอุดม รักษาการ หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส มีแนวคิดที่สอดคล้องกับเซ็นทรัลพัฒนาในการสร้าง Green Partnership อย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมาร่วมกันเป็นพลังในการขับเคลื่อนด้วยแนวคิด Ecosystem Economy หรือเศรษฐกิจแบบร่วมกัน สู่การเป็นองค์กรที่ไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรเพียงแต่อย่างเดียว แต่มองถึงการพัฒนาของผู้คน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน นอกจากการประหยัดพลังงานที่ได้ร่วมมือกับเซ็นทรัลพัฒนาแล้ว ยังร่วมกันดำเนินโครงการ ‘คนไทยไร้ E-waste’ รณรงค์ให้ประชาชนนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งผ่าน AIS E-waste+ ที่ AIS Shop ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลพัฒนา พร้อมรับสิทธิพิเศษอีก ด้วย
ธีรวัฒน์ เลิศถิรพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่ม Asian Cuisine บริษัท เซ็นทรัลเรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนไม่ใช่เรื่องไกลตัว เราทุกคนจึงควรตระหนักและหันกลับมาให้ความสำคัญกับปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยพันธกิจหลักของ CRG คือการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านแกนสำคัญในการดำเนินงาน คือ C-R-G โดย R หมายถึง Reduce Greenhouse Gases โดยเราให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันสู่การปฏิบัติและลงมือทำของแบรนด์ต่างๆในเครือ อีกทั้ง ยังปลูกจิตสำนึกให้พนักงานของกลุ่มธุรกิจอาหาร ซึ่งเรามีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน Green Partnership และได้ร่วมผลักดันก้าวสำคัญในการลดภาวะโลกร้อน ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน และประเทศไทยสู่ Net Zero ในอนาคตร่วมกัน
นอกจากนี้ โครงการ Green Partnership ปี 2024 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ยังเปิดรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้า ผู้เช่าสำนักงาน และผู้เช่าพื้นที่ค้าปลีกของเซ็นทรัลพัฒนา และบริษัทในเครือ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนแคมเปญ Journey to NET Zero 2050 พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย ตั้งแต่วันนี้ – 15 มิถุนายน 2567 รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก: Central Pattana Green Partnership
เซ็นทรัลพัฒนา ยังคงเดินหน้าพัฒนาความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ตามแผนงาน Journey to NET Zero 2050 อาทิ Green Building การออกแบบและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแนวทางมาตรฐานอาคารเขียว, Clean Energy การใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop บนหลังคาศูนย์การค้าฯและลานจอดรถ สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้รวม 26,011 เมกะวัตต์-ชั่วโมง, Water Recycle มาตรการลดการใช้น้ำ การใช้น้ำซ้ำ การกักเก็บน้ำฝน และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ด้วยการติดตั้งระบบผลิตน้ำรีไซเคิล ทำให้สามารถลดปริมาณการใช้น้ำไปได้ 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตร, Waste Diversion แปลงขยะเพื่อลดปริมาณขยะฝังกลบได้ปริมาณกว่า 31,425 ตัน ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้, Air Quality ดูแลคุณภาพอากาศให้ได้มาตรฐาน และยกระดับมาตรการ PM2.5 รวมถึงการริเริ่มโครงการความร่วมมือกับพันธมิตร และแคมเปญรักษ์โลกอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าจับมือกับภาคีทุกภาคส่วนเพื่อสร้างพันธมิตรสีเขียวที่แข็งแกร่งและยั่งยืน