0
0
เวียตเจ็ทไทยแลนด์ ประกาศเดินหน้าแผน Net Zero2050 เปลี่ยนใช้น้ำมันเชื้อเพลิง SAF 1% ภายในปี 2026 และ 5% ปี 2030 พร้อมร่วมมูลนิธิชัย พัฒนากิจกรรมสิ่งแวดล้อม ปลูกป่าชายเลนปีละ 1 แสนต้น ภายใต้กองทุนฟลายกรีนฟันด์ ปีหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการบินลดใช้น้ำมันเชื้อเพลิง นำเข้าเครื่องบินใหม่ 10 ลำ เริ่ม มีนาคม 2025
วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เวียตเจ็ทไทยแลนด์ กล่าวว่า เวียตเจ็ทไทยแลนด์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับ มูลนิธิชัย พัฒนา เพื่อเดินหน้าโครงการและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้กองทุนฟลายกรีนฟันด์ของสายการบินฯ ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของสังคมให้ดียิ่งขึ้น ที่ผ่านมาเวียตเจ็ท ได้ร่วมกับมูลนิธิฯ ปลูกป่าชายเลนไปแล้ว 2 แห่ง คือ ที่หวดใหญี่ จังหวัดสงขลา และแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี และเดือนตุลาคม 2567 จะปลุกเพิ่มเติมที่จังหวัดพังงา โดยมีเป้าการปลูกป่าชายเลนให้ได้ปีละ 1 แสนต้นทต่อเนื่อง 5 ปี เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จำนวน 235,000 ตัน ภายในระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมและสร้าง Young Ambassadors ด้านสิ่งแวดล้อม อีกปีละ 100 คน เพื่อสร้างความตระหนักรุ้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้กองทุน Fly Green Fund และกิจกรรม ‘Fly Green Metro Forest – Mangrove’ ที่จัดตั้งมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ด้วยการรับเงินบริจาคจากผู้โดยสาร พันธมิตรธุรกิจ รวมทั้งการจัดกิจกรรมกอล์ฟ และวิ่ง เพื่อนำเงินที่ได้มาสนับสนุนงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยตุลาคม 2567 จะปลูกป่าชายเลนเพิ่มที่จังหวัดพังงา
ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันคือเป้าหมายในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือนี้ จะสามารถร่วมกันบูรณาการงาน พัฒนาสังคมควบคู่กับแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างมั่งคงและยั่งยืนต่อไป
วรเนติ กล่าวว่า การประหยัดพลังงานสำหรับสายการบิน ส่วนหนึ่งคือการบริหารจัดการการใช้น้ำมันเชื้องเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเพิ่มศักยภาพการบิน การรีฟีดไปใช้เครื่องบินที่มีประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลง และการนำเครื่องใหม่เข้ามาใช้ เพราะเครื่องใหม่มีประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีกว่าเครื่องเก่า โดยปลายปีนี้ จะมีการนำเครื่องเช่าระยะสั้นมาเพิ่มอีก 2 ลำ เพื่อขยายเที่ยวบินทั้งในและต่างประเทศ และตั้งแต่มีนาคม 2568 จะทยอยนำเข้าเครื่องใหม่อกี 9-12 ลำ
ส่วนเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง เดือนกรกฎาคม 2567 เวียตเจ็ทได้ร่วมกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ทดสอบการบินไปที่ดานัง เวียดนาม ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง SAF ที่ผสมกับน้ำมันเจ็ท A1 ซึ่งเป็นน้ำมัน เชื้อเพลิงอากาศยานที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในสัดส่วน 2.5% เป็นไฟท์แรก หลังจากนี้ คือต้องรอบริษัทผู้ผลิตน้ำมันในไทยว่าพร้อมที่จะเริ่มผลิตเมื่อไร โดยเวียตเจ็ทมีเป้าใช้น้ำมันเชื้อเพลิง SAF ให้ได้ 1% ในปี 2569 และ 5% ในปี 2573 ซึ่งจะทำให้เวียตเจ็ทลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 153,000 ตันภายใน 5 ปี
“ปัจจุบันน้ำมันเชื้อเพลิง SAF แพงกว่า เจ็ท A1 อยู่ที่ 10 เท่า แต่หากถามถึงผลกระทบด้านราคาตั๋ว จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เชื่อว่าเมื่อมีความต้องการใช้ SAF ในตลาดมากขึ้น และการผลิตเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ตลาดจะสร้างสมดุลย์ทางราคาเอง ซึ่งการปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นการทยอยปรับเปลี่ยนและเพิ่มสัดส่วนไปเรื่อยๆ ซึ่งในที่สุดแล้วคงต้องใช้ในทุกไฟท์บิน”
เวียตเจ็ท ไทยแลนด์ได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุน Fly Green Fund อาทิ กิจกรรม ‘การ์เบจ ฮันเตอร์ (Garbage Hunter) ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกำจัดขยะจากสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย มุ่งสู่การลดปริมาณขยะเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมส่งเสริมความยั่งยืนต่อไป กิจกรรม ‘เมโทร ฟอร์เรสต์ (Metro Forest) ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองของประเทศไทย และอีกมากมาย เพื่อการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อโลกสีเขียวที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น
ส่วนการร่วมมือกับ มูลนิธิชัยพัฒนา บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์จอยท์ สต๊อค จำกัด มีแนวคิดในการขยายผลโครงการในด้านต่างๆ อาทิ การนำสินค้าจากมูลนิะิฯ ขึ้นไปจำหน่ายบนเครื่อง ซึ่งคาดว่า จะเริ่มดำเนินการได้ภายในอีก 2-3 เดือน เพื่อพิจารณาคัดเลือกสินค้าที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับข้อตกลงความร่วมมือกิจกรรมเพื่อสังคมดังกล่าว มุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดย ร่วมกันส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการดำเนินงานด้านต่างๆ เช่น ด้านการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ด้านการ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้านการปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม ด้านการพัฒนาการเกษตร สังคม พลังงาน เป็นต้น ตลอดจน ร่วมกันช่วยเหลือ ผลักดัน และมุ่งเน้นการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในโครงการต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อให้เกิดสาธารณประโยชน์อย่างแท้จริง และรวดเร็วฉับพลัน
มูลนิธิชัยพัฒนาจะเป็นหน่วยงานประสานงานกลาง พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ ขณะที่บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต๊อค จำกัด จะสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ ของมูลนิธิชัยพัฒนา และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของมูลนิธิฯ ในเรื่องการสนับสนุนบุคลากร ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในกิจกรรมโครงการของมูลนิธิฯ เพื่อให้งานพัฒนาด้านต่างๆ สำเร็จตามวัตถุประสงค์กิจกรรมแรกของความร่วมมือครั้งนี้ คือ การปลูกป่าชายเลนและปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด เพื่อสนับสนุนการบำบัดน้ำเสีย ด้วยวิธีทางธรรมชาติตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี พื้นที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งบำบัดน้ำเสียที่สำคัญของจังหวัดเพชรบุรี โดยผลจากการดำเนินงานของโครงการฯ ในด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้เอื้อประโยชน์ให้แก่ชุมชนโดยรอบในการเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำสำหรับการประกอบอาชีพประมง เพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างสมดุล
การดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคม ภายใต้ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา และบริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์สต๊อค จำกัด ในครั้งนี้ มีความมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นต้นแบบการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาคชุมชน โดยมีมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นแกนกลาง และอาศัยความเชี่ยวชาญที่หลากหลายจากทุกภาคส่วน ในการร่วมกันบูรณาการงานพัฒนาสังคมควบคู่กับแนวการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างมั่งคงและยั่งยืนต่อไป
