กลุ่มมิตรผล ซัพพอร์ตคาร์บอนเครดิตกว่า 1,000 ตันCO2 งาน SustainAsia Week 2024 ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผลักดันงานสู่ Carbon Neutral Event พร้อมโชว์ศักยภาพการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนจากภาคเกษตร ชูนวัตกรรมเทคโนโลยีพลังงานสะอาดจากวัสดุเหลือใช้และต่อยอดทรัพยากรหมุนเวียนจากภาคเกษตรอย่างมีคุณค่า
บรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า กลุ่มมิตรผลมีเป้าหมายผลักดันและพัฒนาภาคเกษตร ที่เป็นแหล่งผลิตอาหารและต้นน้ำสำคัญของพลังงานหมุนเวียน สู่โอกาสใหม่แห่งการสร้างพลังงานสะอาดให้แก่ประเทศไทย ล่าสุด กับการร่วมงาน SustainAsia Week 2024 ได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีพลังงานสะอาด จากทรัพยากรและวัสดุเหลือใช้จากภาคเกษตร มาต่อยอดสู่พลังงานสะอาด และยังได้สนับสนุนคาร์บอนเครดิตกว่า 1,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้งานนี้เป็น Carbon Neutral Event หรือเป็นงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน
สำหรับกลุ่มมิตรผล มีแนวทางการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนภายใต้ปรัชญาหลัก คือ “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ตั้งแต่ก้าวแรกของการทำธุรกิจ สร้างการเติบโตเคียงข้างทุกภาคส่วน โดยเล็งเห็นความพร้อมและโอกาสของประเทศไทยในการสร้างพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน เนื่องด้วยประเทศไทยมีภูมิศาสตร์และความสามารถที่เอื้อต่อการทำอุตสาหกรรมเกษตร สอดคล้องกับจุดยืนของกลุ่มมิตรผล
ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและผู้บริโภค เริ่มมองหาผลิตภัณฑ์จากวัสดุชีวภาพ (Bio-based) มาทดแทนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฐานจากปิโตรเลียม (Petroleum-based) ที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มมิตรผลจึงมุ่งพัฒนาภาคเกษตรไทยต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาพลังงานหมุนเวียนจากภาคเกษตร โดยเริ่มจากการผลิตไฟฟ้าชีวมวลด้วยชานอ้อยที่เหลือจากโรงงานน้ำตาล ซึ่งเริ่มดำเนินการมานานกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ ยังพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีการผลิต เพื่อนำวัสดุเหลือใช้จากภาคเกษตรอื่นๆ เช่น ใบอ้อย มาใช้เป็นเชื้อเพลิงเสริม ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในฤดูเก็บเกี่ยว รวมทั้งเพิ่มความมั่นคงของเชื้อเพลิงชีวมวล และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมา กลุ่มมิตรผลรับซื้อใบอ้อยเป็นจำนวนรวมแล้วกว่า 1.7 ล้านตัน สร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรกว่า 2.5 พันล้านบาท
บรรเทิง กล่าวว่า กลุ่มมิตรผลได้เข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program : T-VER) จำนวน 10 โครงการ ทำให้มีคาร์บอนเครดิตสะสมกว่า 900,000 ตันคาร์บอนฯ ต่อปีและได้รับการรับรองสิทธิในการเป็นผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates : RECs) ซึ่งเป็นหนึ่งกลไกที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการปรับตัว เพื่อพัฒนาการผลิตและการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมได้มากขึ้น
ด้านธุรกิจเอทานอล กลุ่มมิตรผลได้นำกากน้ำตาลหรือโมลาส ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล รวมถึงน้ำอ้อยมาเพิ่มมูลค่าด้วยการผลิตเป็นเอทานอลหลากหลายเกรด เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกัน อาทิ ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ใช้ในรถยนต์ เอทานอลสำหรับอุตสาหกรรม เอทานอลสำหรับเภสัชกรรม รวมถึงเอทานอลเกรดสำหรับอุตสาหกรรม BCG อย่างการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพสำหรับอากาศยาน (SAF) และอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ซึ่งจะช่วยลดการใช้ปิโตรเลียมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกทางหนึ่ง
แนวทางการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนจากภาคเกษตร เป็นหนึ่งในการดำเนินงานสำคัญภายใต้กลยุทธ์การสร้างความยั่งยืนของกลุ่มมิตรผล “Mitr Phol Triple Grows: Grow for Generation, Grow for Green, Grow Together” ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างและส่งต่อความยั่งยืนจากภาคเกษตรไทย สู่สังคมและสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง