0
0
Decathlon (ดีแคทลอน) แบรนด์กีฬาชั้นนำจากฝรั่งเศส เดินหน้าพัฒนาในไทยมากว่า 20 ปี พร้อมสร้างสรรค์สินค้ากีฬากว่า 5,000 รายการ ภายใต้แนวคิดธุรกิจยั่งยืนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
ดีแคทลอน – Decathlon แบรนด์ด้านกีฬาที่อยู่กับคนไทยมากว่า 20 ปี แต่กลับเป็นที่รู้จักยังไม่แพร่หลายนัก วันนี้เรามารู้จักแบรนด์รีเทลด้านกีฬา ที่ผลิตสินค้าด้านกีฬามากมาย ภายใต้การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมของผู้บริโภค และการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีไปพร้อมๆ กัน วันนี้ TheNiceBrad ขอนำทุกคนมาทำความรู้จักกับแบรนด์นี้ให้ดีขึ้น ในฐานะแบรนด์รักษ์โลกตั้งแต่กำเนิด
จุไรภรณ์ รัตนจุฑาภรณ์ ผู้จัดการด้านความยั่งยืน บริษัท ดีแคทลอน (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของ Decathlon แบรนด์ผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลกจากฝรั่งเศส ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างประสบการณ์กีฬาที่เข้าถึงง่าย ด้วยอุปกรณ์กีฬากว่า 5,000 รายการ ครอบคลุมกว่า 60 ประเภทกีฬา
- จากโรงงานผลิตสู่ร้านค้ากีฬาแบบครบวงจร
ดีแคทลอนเริ่มต้นในไทยเมื่อกว่า 20 ปีก่อน โดยเน้นการผลิตเพื่อส่งออก ก่อนเปลี่ยนบทบาทสู่ธุรกิจรีเทลในปี 2558 ด้วยสาขาแรกที่บางนา ปัจจุบันมีร้านค้าใน 70 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่มี 24 สาขา และวางแผนขยายเป็น 31 สาขาภายในปี 2567
ดีแคทลอน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1976 ในเมือง ลิล ของฝรั่งเศสโดย Michel Leclerq ซึ่งทำธุรกิจซูเปอร์สโตร์อยู่แล้ว ด้วยแนวคิดที่ต้องการสร้างซูเปอร์สโตร์ด้านกีฬา ที่จำหน่ายสินค้ากีฬาในราราที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จึงทำให้เกิดเป็นดีแคทลอนในที่สุด โดยดีแคทลอนทำหน่าที่ทั้งผลิตและจำหน่าย
สินค้าของดีแคทลอนโดดเด่นด้วย Eco-Design ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและมีอายุการใช้งานเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนแล้ว 55% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 32% และมีเป้าหมายภายในอีก 2 ปี สินค้าทั้งหมด 100% จะผลิตภายใต้แนวคิด Eco-Design
- ยั่งยืนด้วย Circular Economy
Decathlon ใช้แนวทาง Circular Economy ตั้งแต่ลดการใช้ถุงพลาสติกและกระดาษ ไปจนถึงการออกแบบสินค้า Eco-Design ที่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
ดีแทลอน ถือเป็นธุรกิจที่ก่อกำเนิดมาด้วยความตั้งใจดีของผู้ก่อตั้ง Michel Leclerq ที่ต้องการสร้างสุขภาพที่ดีผ่านกีฬา ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ พร้อมด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยมุ่งมั่นพัฒนาด้านความยั่งยืนผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่ การบริหารจัดการหน้าร้าน ไม่ให้ถุงใส่สินค้า การบริหารจัดการขยะภายในร้าน, การใช้พลังงานสะอาด เช่น ติดตั้งโซลาร์รูฟในสาขาต่าง ๆ และ การทำ Circularity
Circularity ของดีแคทลอน เริ่มตั้งแต่การไม่ใช้ถุง การลดปริมาณกระดาษ ด้วยการนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ ทั้งในการออกบิล การทำระบบภายใน การผลิตสินค้าที่เป็น Eco Design และอื่นๆ รวมทั้งยังทำแคมเปญด้าน Circularity ตั้งแต่ปี 2565 เช่น Secound Life หากลูกค้าไม่พอใจสามารถนำสินค้ามาคืน โดยจะได้รับเงินคืน 100% ได้ทุกสาขา โดยพนักงานจะทำหน้าที่เช็ครายละเอียดสินค้า และเมื่อรับคืนมาแล้ว จะนำกลับมาขายเป็นสินค้ามือสอง
ล่าสุด ยังจัดทำโครงการซื้อคืนสินค้า (Buy Back) ซึ่งปัจจุบันมี 3 ประเภทสินค้า ได้แก่ จักรยานเด็ก เก้าอี้สนาม และเป้แบ็คแพ็ค ขนาด 4 ลิตร โดยลูกค้าสามารถนำมาส่งคืนในสภาพสินค้าที่ดีหรือดีเยี่ยม ในสัดส่วนราคาที่ได้รับคืนตามกำหนดคือ 60% และ 40% ตามเงื่อนไขที่กำหนด ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้ที่สาขาบางใหญ่ ซึ่งจะได้รับเงินคืนเป็นกิ๊ฟการ์ด โดยดีแคทลอน สาขาบางใหญ่ คือ สาขาที่เป็นศูนย์กลางในการทดสอบด้าน Sustainable Development (SD) ทั้งหมด
- แผน Rebranding เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์
ดีแคทลอนเป็นแบรนด์ที่อยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 20 ปี ในฐานะโรงงานผู้ผลิต และเริ่มก้าวเข้าสู่ธุริกจรีเทลเมื่อกว่า 9 ปีที่ผ่านมา ทำให้การรับรู้ในแบรนด์ดีแคทลอนว่าเป็นธุรกิจอะไร สินค้าอะไร ค่อนข้างสับสน
ตั้งแต่ปลายปี 2566 ดีแคทลอนจึงพยายามปรับกลยุทธ์ พร้อมเตรียมทำ Rebranding ครั้งใหญ่ จากร้านค้าอุปกรณ์กีฬา สู่แบรนด์ที่เป็นมิตรกับนักกีฬา พัฒนาจากวัตถุประสงค์เดิม To be useful to people and planet…อยู่เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนและโลก เปลี่ยนมาเป็น…Move People to the Wonder of Sport… ขับเคลื่อนผู้คนจากความมหัศจรรย์ของกีฬา พร้อมสร้างความหลากหลายของสินค้าที่เดิมเป็นสินค้ากีฬาสำหรับคนที่มีใจรักกีฬา โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสเปเชี่ยลลิสด้านกีฬานั้นๆ พัฒนาสู่ความเป็นสเปเชี่ยลลิสมากขึ้น ในขณะที่ยังคงสินค้ากลุ่มเดิมไว้ ไม่ว่าจะเป็น กีฬากลางแจ้ง แคปปิ้ง กีฬาประเภทล้อ ว่ายน้ำ เดิน-วิ่ง ฟิตเนส พร้อมกันนี้ ยังปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ด้วย
“เดิมดีแคทลอนจะผลิตแบรนด์ที่หลากหลาย เฉพาะเจาะจงในแต่ละประเภทกีฬา แต่ต่อไปจะพัฒนาและปรับเปลี่ยนแบรนด์ภายใต้ ดีแคทลอน ให้มากขึ้น เพื่อตอกย้ำการรับรู้ในแบรนด์ และไม่ทำให้ผู้บริโภคสับสน”
นอกจากนี้ ยังปรับโมเดลสาขาซึ่งมีอยู่ 3 รูปแบบ คืือ สแตนอโลน หรือ แพลทฟอร์ม, In Mall หรือสาขาที่ไปกับห้างสรรพสินค้า และแซทเทิ่ลไลซ์ หรือสาขาเล็กๆ ที่กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจะขยายในแบรนด์แซทเทิ่ลไลซ์ให้มากขึ้น โดยยังคงสาขาที่เป็นแพลทฟอร์มและ In Mall ไว้ด้วย โดยจะไปจำกัดตัว
สิ่งสำคัญคือ ในทุกจุดที่ดีแคทลอนเปิดสาขา จะเป็นทำเลที่มีโครงสร้างอาคารเก่า จะไม่มีการไปทุบเพื่อสร้างใหม่โดยเด็ดขาด ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยลดปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมลงได้อีกส่วนหนึ่ง
