“กรรมการหญิง” ความหลากหลายในระดับผู้นำองค์กรยั่งยืน

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:4 Minute, 9 Second

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดย ฝ่ายส่งเสริมความยั่งยืน ได้นำเสนอบทวามเกี่ยวกับ “ความสำคัญของกรรมการหญิงกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อความยั่งยืน”

เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล วันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ทำให้เดือนมีนาคมนับเป็นสัญลักษณ์ที่เน้นย้ำความสำคัญของบทบาทสตรีและความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งหลายหน่วยงานจากทั้งภาครัฐและเอกชนจะร่วมจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกปี ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนไทย ได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม Ring the Bell for Gender Equality 2025 โดยร่วมกับองค์การเพื่อความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ตามแผนดำเนินการเพื่อเพิ่มบทบาทสตรีในตลาดทุนไทยของ ก.ล.ต.

นอกจากความมุ่งเน้นในการส่งเสริมทักษะที่จำเป็น ให้กับสตรีและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเหมาะสมแล้ว แนวทางการขับเคลื่อนของแผนยังเน้นเรื่องการเพิ่มบทบาทสตรีในระดับผู้นำองค์กร โดยเฉพาะกรรมการและผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน ซึ่งประเด็นเรื่องความหลากหลายในองค์ประกอบของคณะกรรมการ (Board Diversity) เป็นส่วนหนึ่งของหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับสากล

สำหรับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับสากล ได้กล่าวถึงความสำคัญของกรรมการและผู้บริหารหญิง เช่น G20/OECD Principles of Corporate Governance 2023 (OECD CG Principles) ฉบับล่าสุดขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development) ได้เพิ่มประเด็นที่เน้นความสำคัญของความหลากหลายทางเพศ (Gender Diversity) ในระดับคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงว่ามีส่วนช่วยลดการคิดแบบคล้อยตาม หรือ Groupthink ทำให้เกิดมุมมองที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์คณะโดยรวม นำไปสู่ทางเลือกหรือคำตอบที่เป็นประโยชน์ และสามารถทำให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ สอดคล้องกับบทความของ McKinsey ที่ได้สำรวจ 1,265 บริษัทใน 23 ประเทศ พบว่า บริษัทที่มีสัดส่วนกรรมการหญิงมากกว่า 30% มีผลประกอบการทางการเงินดีกว่า บริษัทที่มีสัดส่วนกรรมการหญิงน้อยกว่า 30%

นอกจากนี้ การมีผู้นำสตรีจะสามารถช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ขององค์กรที่เน้นแนวคิดความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (Diversity, Equality and Inclusion) ซึ่งเป็นปัจจัยสังคมที่ได้รับความสำคัญมากขึ้น สอดรับกับรายงานของ World Economic Forum ที่พบว่า พนักงาน Gen Z จะไม่ทำงานในองค์กรที่ไม่มีความหลากหลายในระดับผู้นำ

ในส่วนแนวปฏิบัติเพื่อส่งเสริมและยกระดับความหลากหลายทางเพศในคณะกรรมการ บางประเทศได้กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องมีสัดส่วนกรรมการหญิงตามเกณฑ์กำหนด (Gender Quota) เช่น สหภาพยุโรปได้ออก Gender Balance on Corporate Boards Directive ให้บริษัทจดทะเบียนพิจารณากำหนดสัดส่วน underrepresented gender (ชนกลุ่มน้อยทางเพศที่มักถูกมองข้าม) เป็น 40% ของกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร หรือ 33% ของคณะกรรมการภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2569 และ Bursa Malaysia ก็ได้กำหนดให้ทุกบริษัทจดทะเบียนต้องมีกรรมการหญิงอย่างน้อย 1 คน

ในขณะที่ UK Financial Conduct Authority กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลสำหรับสัดส่วนกรรมการหญิงที่บริษัทจดทะเบียนควรจะมีอย่างน้อย 40% รวมถึงการมีผู้บริหารระดับสูงเป็นเพศหญิงอย่างน้อย 1 คน และหากไม่สามารถดำเนินการได้ตามข้างต้น ต้องอธิบายเหตุผลประกอบ

สำหรับประเทศไทย ก.ล.ต. ได้จัดทำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2560 (CG Code) ที่มีหลักและแนวปฏิบัติครอบคลุมเรื่อง Board Diversity ซึ่งแนะนำให้กรรมการบริษัทจัดทำ skills matrix หรือตารางองค์ประกอบความรู้ความชำนาญของกรรมการ เพื่อคัดเลือกกรรมการที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับเป้าหมายและลักษณะธุรกิจ ช่วยให้คณะกรรมการสามารถกำหนดทิศทางธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ต่อมา ก.ล.ต. ได้จัดทำคำแนะนำประเด็นความหลากหลายทางเพศของคณะกรรมการ (Gender Diversity) เพื่อเสริมแนวปฏิบัติของ CG Code ซึ่งแนะนำให้คณะกรรมการพิจารณาสัดส่วนกรรมการหญิงให้เป็นอย่างน้อย 30% โดยกำหนดเป็นนโยบาย เป้าหมายหรือตัวชี้วัด ตลอดจนจัดทำรายงานความคืบหน้า โดยสามารถนำคำแนะนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจตน

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ ก.ล.ต. พบว่า ณ สิ้นปี 2567 มีบริษัทจดทะเบียน 242 แห่ง หรือประมาณร้อยละ 28 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดที่มีสัดส่วนกรรมการหญิงตั้งแต่ 30% ซึ่งเป็นตัวเลขสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2564 ที่ ก.ล.ต. ได้จัดทำแผนดำเนินการเพื่อเพิ่มบทบาทสตรีในตลาดทุนไทย

นอกจากนี้ รายงาน Gender Equality in Corporate Leadership: G20 and Regional Analysis 2024 ที่จัดทำโดย UN Sustainable Stock Exchanges Initiative และ International Finance Corporation พบว่า เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนผู้บริหารหญิงระดับสูงของบริษัทจดทะเบียนในไทยกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทยมีสัดส่วน CEO หญิงที่ 12% ซึ่งสูงที่สุดในภูมิภาค และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (8%) นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนไทยมีสัดส่วน CFO หญิงมากที่สุด (49%) จากตลาดทุนทั้งหมด 35 ประเทศ

แม้ข้อมูลที่นำเสนอข้างต้นสะท้อนได้ว่า จำนวนสตรีไทยในระดับผู้นำองค์กรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับสากล อย่างไรก็ดี ผลการประเมินโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัท

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

แม่ทัพหญิงแกร็บ ชูกลยุทธ์ S.M.A.R.T เดินหน้า GRAB EV เพิ่มต่อเนื่อง

แกร็บ ชูกลยุทธ์ S.M.A.R.T ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตยั่งยืน ย้ำความเป็นเบอร์ 1 ขยายบริการ -ฟีเจอร์ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า พร้อมช่วยผลักดันการท่องเที่ยวไทยเติบโต ควบคู่การตั้งเป้า “ผ่อนขับรับรถ” ส่งเสริมคนขับที่ต้องการเป็นเจ้าของรถ EV ต่อเนื่อง ตามเป้าบริษัทแม่ 5 หมื่นคัน

You May Like