0
0
แกร็บ ชูกลยุทธ์ S.M.A.R.T ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตยั่งยืน ย้ำความเป็นเบอร์ 1 ขยายบริการ -ฟีเจอร์ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า พร้อมช่วยผลักดันการท่องเที่ยวไทยเติบโต ควบคู่การตั้งเป้า “ผ่อนขับรับรถ” ส่งเสริมคนขับที่ต้องการเป็นเจ้าของรถ EV ต่อเนื่อง ตามเป้าบริษัทแม่ 5 หมื่นคัน
จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บ ประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “Lead with Purpose” ขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน 5 กลยุทธ์ “S.M.A.R.T” สร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Sustainability) ขยายบริการให้เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Market Expansion) ผ่านบริการจุดรับ-ส่งในสนามบินหลักทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และเชียงใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาเติบโตมากถึง 90%
รวมทั้งร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำแคมเปญเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองรอง ควบคู่ไปกับการขยายบริการเรียกรถไปยังพื้นที่ใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนจัดตั้งภาคีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Tourism Taskforce) เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค ด้วยอานิสงส์ของนโยบายดังกล่าว ทำให้ในปีที่ผ่านมา ยอดใช้บริการเรียกรถในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 138%
ผลสำเร็จในปีที่ผ่านมา และทิศทางในอนาคต
ในปีที่ผ่านมา แกร็บสามารถสร้างการเติบโตผ่านบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ Pain Point ของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ผ่านหลัก #3P ได้แก่ Performance (ประสิทธิภาพธุรกิจ), People (คนในระบบนิเวศธุรกิจ), และ Planet (สิ่งแวดล้อม)
แกร็บยังคงให้ความสำคัญกับ #ความยั่งยืน (Sustainability) โดยมีเป้าหมาย บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 ผ่านการเพิ่มจำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในแพลตฟอร์ม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน มากกว่า 10,000 คัน พร้อมเป้าหมายระดับภูมิภาคที่ต้องการเพิ่ม EV อีก 50,000 คัน โดยใช้กลยุทธ์ Affordable เพื่อช่วยให้คนขับเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น ผ่านบริการทางการเงินภายในแพลตฟอร์ม
ในด้านสิ่งแวดล้อม แกร็บได้ริเริ่ม โครงการลดขยะพลาสติก โดยสนับสนุนให้ผู้ใช้เลือก ไม่รับช้อนส้อมพลาสติก ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการถึง 90% ที่เลือกไม่รับ นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมบริจาคเงินผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อสนับสนุนกิจกรรมเพิ่มพื้นที่สีเขียว และนำไปซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินท์จากการดำเนินธุรกิจ
เพื่อช่วยลดขยะอาหาร (Food Waste) แกร็บยังได้พัฒนา โครงการ Grab Go Green “อิ่มคุ้มช่วยโลกกับ GrabFood” ที่ให้ผู้ใช้สามารถสั่งอาหารในราคาพิเศษช่วงใกล้ปิดร้าน ซึ่งช่วยลดของเหลือทิ้งจากร้านอาหาร โครงการนี้จะขยายเพิ่มเติมในปีนี้ โดยนำข้อมูลจากการดำเนินโครงการมาวิเคราะห์ เพื่อต่อยอดและเพิ่มผลกระทบเชิงบวกให้มากขึ้น
ในด้านสังคม แกร็บส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชน ผ่าน โครงการ GrabSpark ที่เปิดเวทีให้นักศึกษาประกวดแผนธุรกิจ พร้อมโอกาสฝึกงานที่แกร็บ รวมถึง โครงการ GrabScholar ที่มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่มีศักยภาพ ซึ่งเตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้
สำหรับในปี 2568 แกร็บ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้วิสัยทัศน์ “Lead with Purpose” โดยมุ่งสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันและตอกย้ำบทบาทของแกร็บ ในฐานะผู้นำซูเปอร์แอปเพื่อยกระดับมาตรฐานของธุรกิจการเดินทางและเดลิเวอรี ควบคู่ไปกับการสานต่อพันธกิจ GrabForGood ที่มุ่งใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับคนไทย โดยจะมุ่งเน้นไปที่ 5 แนวทางหลักภายใต้กลยุทธ์ “S.M.A.R.T” ซึ่งประกอบด้วย
S: Sustainability มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นอกจากการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แกร็บยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลง เชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเดินหน้าสานต่อโครงการสำคัญอย่าง “โครงการ Grab EV” ที่ส่งเสริมให้คนขับใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อลดผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันมียอดการใช้รถ EV แล้วกว่า
หนึ่งหมื่นคัน ควบคู่ไปกับ “โครงการชดเชยคาร์บอน” ที่ให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงินผ่านฟีเจอร์ Carbon Offset เพื่อนำไปซื้อคาร์บอนเครดิตและทำกิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มทดลองกิจกรรมใหม่ๆ อย่าง “โครงการ Grab Go Green อิ่มคุ้มช่วยโลกกับ GrabFood” ที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสั่งอาหารในราคาพิเศษในช่วงก่อนปิดร้านเพื่อช่วยลดขยะอาหารจากร้านค้า เป็นต้น
ในด้านสังคม นอกเหนือจากกลุ่มคนขับและพาร์ทเนอร์ร้านค้าซึ่งเป็นคนในอีโคซิสเต็มแล้ว แกร็บยังได้ส่งเสริมการสร้างโอกาสให้กับกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ผ่าน “โครงการ GrabSpark” ที่เปิดเวทีให้นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้แสดงศักยภาพผ่านการประกวดแผนธุรกิจ พร้อมโอกาสในการฝึกงานกับแกร็บ รวมถึง “โครงการ GrabScholar” กับการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเปิดตัว อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
M: Market Expansion – ขยายบริการเข้าถึงทุกเจเนอเรชัน
- เปิดตัว “Friends of Grab” ดึง 4 หนุ่มฮอต เจมีไนน์-โฟร์ท และ สกาย-นานิ ดึงดูดกลุ่ม Gen Z และ Millennials
- ผลักดันการใช้ฟีเจอร์ บัญชีครอบครัว (Family Account) เพื่อรองรับ Baby Boomer และ Gen Alpha
- สนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ภายใต้นโยบาย “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” ผ่านอีเวนต์สำคัญ เช่น S2O Songkran Music Festival, Siam Songkran Music Festival และ Maha Songkran World Water Festival 2025
A: Affordability – นำเสนอทางเลือกที่คุ้มค่า
- ขยายบริการ GrabCar SAVER และ GrabBike SAVER ทั่วประเทศ
- เพิ่มจำนวนร้านค้าในซับแบรนด์ Hot Deals ดีลแรงจากร้านอาหารดัง พร้อมแคมเปญ GrabFood Mega Sale ลดสูงสุด 80% พร้อมส่งฟรี
R: Retention – รักษาฐานลูกค้าและพาร์ทเนอร์
- พัฒนา GrabUnlimited โปรแกรมสมาชิกรายเดือนเริ่มต้นเพียง 19 บาท
- เปิดตัว GrabVIP สำหรับผู้ใช้จ่ายสูง รับสิทธิพิเศษ เช่น Priority Delivery และ Priority Support
- เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้คนขับ เช่น ประกันรถจักรยานยนต์ฟรี, ดอกเบี้ยสินเชื่อลดพิเศษ และประกันสุขภาพสำหรับครอบครัว
- พัฒนาบริการสินเชื่อและประกันค้าขายให้พาร์ทเนอร์ร้านค้า ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 5 ล้านบาท
T: Tech & Innovation – พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้
- เปิดตัว Advance Booking for Airport Pickups ให้ผู้โดยสารจองรถล่วงหน้าที่สนามบิน พร้อมระบุเที่ยวบิน
- พัฒนา GrabExecutive บริการรถพรีเมียม สำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว
- เปิดตัว Book Table ระบบจองร้านอาหารร่วมกับ Chope
- เพิ่มช่องทางชำระเงินด้วย QR Payment แก้ปัญหาการใช้เงินสด
แกร็บ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ไทยกว่า 1.79 แสนล้านบาท
ผลวิจัยจาก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า ธุรกิจของแกร็บในปี 2566 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยสูงถึง 1.79 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1% ของ GDP ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของแกร็บในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
แกร็บ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมร่วมสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย และยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการเดินทางและเดลิเวอรีให้ก้าวไกลในระดับภูมิภาค
