แอร์บัส ยังมั่นใจตลาดไทย การท่องเที่ยวและการเดินทางดันธุรกิจฟื้น

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:3 Minute, 47 Second

แอร์บัส ย้ำความมั่นใจ เดินหน้าลงทุนในไทยต่อเนื่อง เผยการท่องเที่ยว และการเดินทางทางอากาศฟื้นตัวแน่นอน พร้อมลุยขยายธุรกิจการบินรักษ์โลก เลือกใช้เครื่องบินประหยัดเชื้อเพลิงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

นายอานันท์ สแตนลีย์ ประธานแอร์บัสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดหลักสำหรับธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินป้องกันทางอากาศและอวกาศ และเฮลิคอปเตอร์ของแอร์บัส เครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัสเป็นกำลังสำคัญของฝูงบินของสายการบินในประเทศไทย และมีส่วนในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีเครื่องบินแอร์บัสประจำฝูงบินของสายการบินในประเทศไทยทั้งสิ้น 67 ลำ ครอบคลุมเครื่องบินเกือบทุกรุ่นของสายการผลิต

สายการบินบางกอกแอร์เวย์สและไทยสมายล์ปฏิบัติการบินด้วยเครื่องบินตระกูล เอ320 (A320) ซึ่งเป็นรุ่นที่มอบบริการที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพเหมาะสำหรับตลาดการบินภายในประเทศและภูมิภาค และสำหรับเครื่องบินลำตัวกว้าง สายการบินไทยให้บริการด้วย เอ330 (A330) และเอ350 (A350) และสายการบินไทยไลออนแอร์บริการด้วยเครื่องบิน เอ330นีโอ (A330neo) รุ่นใหม่ล่าสุดที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณ 25% พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

เรื่องการฟื้นตัวของตลาด นายสแตนลีย์ กล่าวว่า แอร์บัสมั่นใจว่าการท่องเที่ยวและการเดินทางทางอากาศของประเทศไทยจะมีการฟื้นตัวอย่างแน่นอน

“เราเห็นความต้องการของตลาดแถบเอเชียและแปซิฟิก ที่ยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางไปแล้ว มีจำนวนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับในประเทศไทยที่ได้เรียกคืนตำแหน่งการเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมของโลกและเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับการทำธุรกิจ”

นอกเหนือจากตลาดเครื่องบินพาณิชย์ ตลาดเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินป้องกันทางอากาศในประเทศไทย ก็ได้รับความสำเร็จเช่นกัน โดยมีเครื่องบินขับไล่จำนวน 70 ลำ และเครื่องบินทหารจำนวน 20 ลำที่ประจำการอยู่ โดยฝูงบินปฏิบัติการในภารกิจที่หลากหลาย ได้แก่ ภารกิจขนส่งลำเลียงพล สาธารณะประโยชน์ การอพยพฉุกเฉินทางการแพทย์ และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

“ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ของประเทศไทย มีตั้งแต่เฮลิคอปเตอร์ขนาดเบาเครื่องยนต์เดี่ยวและคู่ ไปจนถึงเฮลิคอปเตอร์บรรทุกหนัก รวมถึงเอช225เอ็ม (H225M) เฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพอากาศไทย และ เอช145เอ็ม (H145M) เฮลิคอปเตอร์สำหรับขนส่งลำเลียงของกองทัพเรือไทย ในขณะเดียวกัน เครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีรุ่น ซี295 (C295) มีบทบาทสำคัญสำหรับกองทัพบกโดยมีภารกิจตั้งแต่ลำเลียงกำลังพลและสิ่งของไปจนถึงการอพยพทางการแพทย์และการเคลื่อนกำลังทหารพลร่ม ในส่วนของอวกาศ แอร์บัสมีความภูมิใจที่ได้รับเลือกให้สร้างระบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ธีออส-2 (THEOS-2) โดยจะแล้วเสร็จและเปิดตัวในช่วงปลายปี 2565 หรือช่วงต้นปี 2566” นายสแตนลีย์กล่าวเสริม

นายสแตนลีย์ ย้ำถึงความสำคัญของการเป็นพันธมิตรอันยาวนานระหว่างแอร์บัสกับประเทศไทย รวมถึงการมีสำนักงาน และศูนย์ปฏิบัติการการบินของแอร์บัสในกรุงเทพฯ ตลอดจนศูนย์บริการลูกค้าเฮลิคอปเตอร์ที่ให้การบำรุงรักษาและพัฒนาฝูงบิน (MRO) ของพลเรือนและทหาร และให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคกับลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านของไทย ได้แก่ ประเทศลาวและกัมพูชา แอร์บัสถือเป็นผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์รายเดียวในปัจจุบัน ที่มีศูนย์ซ่อมบำรุงอยู่ในประเทศไทย

แอร์บัสยังมีข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัทอุตสาหกรรมการบินไทย (TAI) ให้การสนับสนุนฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดของของรัฐบาลไทย โดย TAI เป็นผู้รับเหมาหลักและเป็นศูนย์ให้บริการดูแลการขายและการจัดจำหน่ายฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ของแอร์บัสทุกลำที่ปฏิบัติการโดยกองทัพและหน่วยงานภาครัฐของประเทศไทย

ด้านการผลิต แอร์บัสมีสัญญาหลายฉบับร่วมกับไทรอัมพ์ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส เอเชีย (Triumph Aviation Services Asia) โดยครอบคลุมในเรื่องการซ่อมแซม ยกเครื่อง และดัดแปลงโครงสร้างเฟรมของเครื่องบิน เอ320 เอ330 และ เอ340 ที่ดำเนินการโดยสายการบินต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

คาร์บอน เอวิเอชั่น (Qarbon Aviation) โดยก่อนหน้านี้เป็นส่วนหนึ่งของไทรอัมกรุ๊ป ยังได้จัดหาชิ้นส่วนคอมโพสิตสำหรับเครื่องบินรุ่น เอ320 เอ330 และเอ350 โดยชิ้นส่วนที่อยู่ใบริการจะครอบคลุม แผ่นบังคับที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของปีกทั้งสองข้าง (Flap leading edges) และแฟริ่งส่วนหางแนวตั้ง (Vertical tail plane fairings) ของรุ่นเอ 320 ชายขอบปีกหลังส่วนหาง (Trailing plane edge panels) ของรุ่นเอ 330 แฟริ่งและแผงขอบหน้าของปีกเครื่องบิน (Fairings and leading-edge panels) และแผ่นบังคับที่ติดตั้งอยู่ที่ส่วนท้ายของแพนหางแนวดิ่ง (Rudder) ของรุ่นเอ 350

อุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยรองรับตำแหน่งงานถึง 4.3 ล้านตำแหน่ง และมีมูลค่ารวม 63,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 2,200 ล้านล้านบาท) ต่อจีดีพีของประเทศ

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

ข่าวปลอม อย่าแชร์ "พบฝีดาษลิงที่เกาะช้าง"

กรมควบคุมโรค เตือน อย่าแชร์ข้อมูลเท็จ พบฝีดาษลิงที่เกาะช้าง ตรวจสอบแล้ว เป็นโรคมาลาเรียด้าน “อนุทิน” หารือ ผอ.ใหญ่ WHO ขอสนับสนุนวัคซีนฝีดาษคน 

You May Like