‘เด็นโซ่’ เปิดวิชั่นสู่นวัตกรรมการผลิตรักษ์โลก-เน้นความปลอดภัยผู้ใช้งาน

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:3 Minute, 23 Second

‘เด็นโซ่’ ประกาศ ก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2035 พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยผู้ใช้งาน ขับเคลื่อนสู่องค์กรยั่งยืน

นายนาโอโตะ อินนูซูกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวนวัตกรรมการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งบริษัท พร้อมขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าภายใต้กรอบของการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อประชาคมโลก โดยมีจุดมุ่งหมายหลัก คือ การเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2035 (พ.ศ. 2578)

“เด็นโซ่ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และความสะดวกสบายของผู้คน โดยมีจุดมุ่งหมายในการใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์สังคมล้ำสมัยที่ทำให้ผู้คน ยานยนต์ และสิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนและสมดุล”

เด็นโซ่ ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ จาก 5 ทศวรรษแห่งการเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์คุณภาพระดับโลก สู่ ‘ผู้นำการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าเพื่อประชาคมโลกอย่างยั่งยืน’ ภายใต้กรอบของการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs – Sustainable Development Goals” เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ประการของเด็นโซ่ในภูมิภาคเอเชียอันได้แก่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน การผลิตในยุคอนาคต และการแก้ปัญหาทางสังคมด้วยเทคโนโลยีของเด็นโซ่

ดร. ธีระวัฒน์ ลิมปิบันเทิง ประธานบริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวนวัตกรรมการผลิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งานภายใต้แนวคิด Lean and Clean หรือ การลดความสูญเปล่าที่เกิดจากกระบวนการผลิตทั้งหมด รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยมีเป้าหมายการลดการใช้พลังงาน และส่งเสริมการผลิตด้วยพลังงานหมุนเวียน

พร้อมทั้งจัดการบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วยเพื่อสร้างรากฐานในการก้าวสู่ Thailand 4.0 และ Carbon Neutrality ไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะมาเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ที่นอกจากจะทำให้เด็นโซ่ยืนหยัดเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แล้ว ยังจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญ ซึ่งเด็นโซ่จะนำมาใช้เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาธุรกิจตามกรอบของ SDGs ได้แก่

  1. ด้านสิ่งแวดล้อม

มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ผ่านโซลูชันด้านอุตสาหกรรม อย่างเช่น การนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในสายการผลิต การออกแบบเครื่องจักรภายใต้แนวคิด 1/N หรือการลดขนาดเครื่องจักรให้มีขนาดเล็กและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรเพื่อลดการใช้พลังงานและลดการแผ่รังสีความร้อน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของการดักจับและจัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากสายการผลิต

  1. ด้านเศรษฐกิจและสังคม

เพิ่มการลงทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นให้กับคนไทย รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลไทย รวมถึงการพัฒนาทักษะความสามารถของเจ้าหน้าที่ออกแบบและติดตั้งระบบการผลิตอัตโนมัติทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในอุตสาหกรรม (System Integrator หรือ SI) นอกจากนี้ ยังมีการจัดการฝึกอบรมวิทยากรเพื่อรองรับแผนเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติต่อไป

กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 ในนาม บริษัท นิปปอนเด็นโซ่ ประเทศไทย จำกัด โดยประเทศไทยนับเป็นสาขานอกประเทศญี่ปุ่นสาขาแรก กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์รายแรกของไทยภายใต้นโยบายจากภาครัฐที่เน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ เมื่อผสานกับนโยบายที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเป็นหลัก ทำให้กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ธุรกิจเจริญเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทเด็นโซ่ประเทศไทยประกอบด้วยบริษัทในเครือทั้งสิ้นจำนวน 10 บริษัท สามารถสร้างยอดขายในปี 2021 มากกว่า 103,024 ล้านบาท เติบโตขึ้นมากกว่า 31% จากปี 2020

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

เยี่ยม! ซันโทรี่ เบเวอเรจ คว้า 2 รางวัลองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย

ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) โชว์ศักยภาพกลยุทธ์ Employer Branding บริหารคนและองค์กร คว้า 2 รางวัล HR ระดับเอเชีย ประกาศความสำเร็จ องค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย

You May Like