McLaren Bangkok ส่ง McLaren ARTURA ซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ เจาะตลาดคนรักรถแรง สมรรถนะเยี่ยม ราคาสิบล้านต้นๆ เผย คันแรก ส่งมอบลูกค้าได้ใช้แล้ว
นายวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า McLaren Bangkok ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป ได้สิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่ายแมคลาเรน (McLaren) รถซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริษัทฯ เน้นชูกลยุทธ์การสร้างประสบการณ์รถซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด ที่มีสมรรถนะและเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่เหมาะสม ให้ลูกค้าได้สัมผัส โดยคาดว่า McLaren ARTURA จะเป็นรุ่นที่ช่วยผลักดันให้ยอดขายของ McLaren ในประเทศไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ากลุ่มที่เคยอุดหนุน Performance Car ในกลุ่มราคาสิบล้านต้น ๆ
สำหรับซูเปอร์คาร์ McLaren ARTURA คันแรกของประเทศไทย ได้ส่งมอบแล้ว ให้กับไฮโซกี้-นายสราวุธ เสรีธรณกุล นักธุรกิจและนักแข่งรถซูเปอร์คาร์ ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ครอบครอง ซึ่งเขาเล่าว่า เคยสัมผัสกับ รถซูเปอร์คาร์มาหลายแบรนด์แล้ว แต่ละแบรนด์มีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันไป อย่าง McLaren รู้สึกชอบเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่นักแข่งรถจะชอบรถที่แรง เพอร์ฟอร์แมนซ์ดี McLaren ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ค่อนข้างดีเลย ส่วนตัวได้มีโอกาสสัมผัสกับ McLaren คือล็อตแรก ๆ เลยที่มีการนำเข้ามา พอได้ลองขับก็ชอบเลย ซื้อเลย คันแรกที่มี คือ McLaren 650S Spider คันสีเหลือง ต่อมาคันที่สอง McLaren 720S
ล่าสุด ตัดสินใจซื้อคันนี้ McLaren ARTURA เพราะชอบที่เร็วและแรง เพอร์ฟอร์แมนซ์ดี ข้อดีอีกอย่างของ McLaren ซึ่งทำออกมาได้ดีคือ ระบบ Traction Control เป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ยานพาหนะ อย่างเราเดินคันเร่ง 100% รู้สึกว่ารถก็ไม่หมุน ระบบ Traction สามารถตัดได้ดี ผู้ที่ไม่ค่อยชำนาญในการขับซูเปอร์คาร์ ไม่ต้องกลัวรถหมุน ถ้าเป็นโหมดระบบ Traction Control จะตัดระบบได้ละเอียดมาก
“รถรุ่นนี้ ใช้งานง่าย เพราะส่วนตัวขับรถแข่งประจำ ซึ่งรถจะค่อนข้างแรง ดุดันหน่อย พอมาขับรุ่นนี้แล้ว รู้สึกโอเคเลย ขับสบาย ใช้งานได้ในทุก ๆ วันจริง ๆ”
สำหรับความพิเศษของ McLaren ARTURA ทาง McLaren ยังคงยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบ โดยถือได้ว่า เป็นผู้บุกเบิกด้านการใช้เทคโนโลยีไฮบริดกับรถไฮเปอร์คาร์ McLaren P1 เป็นรุ่นแรก ตามมาด้วย McLaren Speedtail ซึ่งมาพร้อมระบบส่งกำลังที่ทำให้รถรุ่นนี้ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
McLaren ARTURA มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ร่วมกันพัฒนาให้รถรุ่นนี้เป็นซูเปอร์คาร์แห่งอนาคต และตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันอย่างแท้จริง McLaren ARTURA ไม่เพียงดุดันในสนามแข่ง แต่ยังเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยโหมดไฟฟ้า 100% อีกด้วย ซึ่งผู้ขับขี่ จะได้เปิดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่เหนือขั้นที่มาพร้อมสมรรถนะรอบด้านและความก้าวล้ำในทุกมิติ โดยจุดเริ่มต้นของการพัฒนารถรุ่นนี้ คือ การกำหนดเป้าหมายอันท้าทาย เริ่มจากการเพิ่มแบตเตอรี่ที่เปี่ยมประสิทธิภาพและพลังงาน โดยไม่กระทบต่อน้ำหนักของรถโดยรวม เนื่องจากน้ำหนักของรถซูเปอร์คาร์ส่งผลต่อทุก ๆ สมรรถนะทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอัตราการเร่ง การเบรก การเข้าโค้ง เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็น ที่ส่งผลให้น้ำหนักของรถยนต์ขับเคลื่อนได้อย่างเบาสบาย ดังนั้น ความเชี่ยวชาญของทีมงานในด้านวิศวกรรมวัสดุ ที่เน้นให้รถยนต์ น้ำหนักเบาสามารถชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ ล่าสุด ที่ชื่อว่า McLaren Carbon Fibre Lightweight Architecture (MCLA) แบ่งได้เป็น 3 องค์ประกอบหลัก คือ
- Carbon Fibre Monocoque
- Electrical Architecture
- โครงสร้างแชสซีส์และระบบช่วงล่าง ซึ่งทีมงานออกแบบ MCLA ขึ้นใหม่ทั้งหมด และออกแบบแพลตฟอร์มนี้ให้สามารถปรับเปลี่ยน เพื่อสอดคล้องกับรถยนต์แต่ละรุ่นได้มากกว่าแพลตฟอร์มรุ่นแรก จุดเด่นสำคัญของ Carbon Fibre Monocoque คือ ปลอดภัยกว่า แข็งแรงกว่า และน้ำหนักเบากว่า
นอกจากนี้ ช่องว่างด้านหลังของ Monocoque ออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับแบตเตอรี่ HV ซึ่งได้รับการปกป้องรอบด้านเป็นอย่างดีจาก Carbon Fibre Safety Cell ซึ่งติดตั้งให้อยู่บน Carbon Fibre SMC Floor ในตำแหน่งต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เอื้อต่อจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำที่สุดของรถยนต์และช่วยในเรื่องเสถียรภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยระบบส่งกำลังแบบไฮบริด สมรรถนะสูง มีการประมวลอย่างรอบด้าน เพื่อออกแบบและผสานทุกองค์ประกอบให้รถยนต์มีน้ำหนักเบา
McLaren ARTURA คือ ความสำเร็จที่ได้รับด้วยน้ำหนักรวม(ไม่รวมของเหลว) เท่ากับ 1,395 กิโลกรัม ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้รถยนต์รุ่นนี้ ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในรถยนต์ประเภทเดียวกัน เลยก็ว่าได้
สำหรับการออกแบบ แชสซีส์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ได้แก่ E-Differential แนวคิดระบบมัลติลิงก์แบบใหม่ ช่วงล่างด้านหลัง Proactive Damping Control ที่ผสานกับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว เช่น ระบบพวงมาลัยแบบ Electro-Hydraulic ที่เพิ่มความแม่นยำ คล่องตัว และเสถียรภาพในการขับขี่ซึ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อผู้ขับขี่ให้ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังคงสนุกกับการขับ McLaren ARTURA ด้วยการสัมผัสทุกความรู้สึกจากผิวถนนสู่พวงมาลัย
นอกเหนือจากนี้ ยังพัฒนา Ethernet Electrical Architecture ใหม่ ที่ใช้ Domain Controller 4 ชุด และประเภทเครือข่ายใหม่ล่าสุดสำหรับยานยนต์ สำหรับความเร็วที่สูงขึ้นและแบนด์วิดท์ที่กว้างขึ้น ซึ่งทำให้สามารถลดน้ำหนักรวมได้สูงสุดถึง 25% จากการลดการใช้ชุดสายไฟและสายสัญญาณต่าง ๆ พร้อมกับนำเทคโนโลยีล่าสุดของระบบเครือข่ายมาใช้กับ McLaren ARTURA
พร้อมกันนี้ ระบบ High-Performance Hybrid Powertrain ทำให้ McLaren ARTURA เป็นผู้นำด้านสมรรถนะ เครื่องยนต์ V6 ที่ให้สมรรถนะสูงกว่าแต่มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องยนต์ V8 ถึง 50 กิโลกรัม ขณะที่ ชุดเกียร์แบบใหม่ 8 สปีด ซึ่งไม่มีเกียร์ถอยหลัง แต่เราสามารถออกแบบให้ใช้ Axial Flux Motor สำหรับการถอยหลังได้อย่างไร้กังวล และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนวัตกรรมล้ำหน้าด้านวิศวกรรมใน McLaren ARTURA ที่ออกแบบมา เพื่อให้ McLaren ARTURA เป็นซูเปอร์คาร์ที่สามารถผสมผสานกับผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัวมากที่สุด