Grab ประกาศบรรลุเป้า Carbon Neutrality 2040

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:4 Minute, 30 Second

Grab เดินหน้าสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี 2040 ชู 4 แนวทางพิชิต Grab’s ESG Goals พร้อมผนึกกำลังเครือข่ายพันธมิตร องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร CNF นำเทคโนโลยี EcoMatcher สู่ป่า GrabForGood ผลิตผลของโครงการ “ชดเชยคาร์บอน”

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บ (Grab) ได้เริ่มเปิดตัวฟีเจอร์ชดเชยคาร์บอนบนแอปพลิเคชัน Grab มาตั้งแต่ในปี 2564 พร้อมเชิญชวนให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงินจำนวน 2 บาทสำหรับบริการเดินทางด้วยรถยนต์ หรือจำนวน 1 บาทสำหรับบริการเดลิเวอรีหรือบริการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ โดยเงินบริจาคเหล่านี้ได้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการคาร์บอนเครดิต เพื่อชดเชยคาร์บอนที่เกิดจากการใช้บริการบนแพลตฟอร์มของ Grab และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว

หลังเปิดตัวมาเกือบ 3 ปี ฟีเจอร์ชดเชยคาร์บอนได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผู้ใช้บริการในประเทศไทย โดยในปีที่ผ่านมา (2566) มีการร่วมบริจาคเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนหน้า มีการบริจาคผ่านการใช้บริการเรียกรถและสั่งอาหารรวมกันมากกว่า 24 ล้านครั้ง โดยเงินบริจาคเหล่านี้จะถูกนำไปซื้อคาร์บอนเครดิต พร้อมใช้ในโครงการปลูกป่า GrabForGood ที่เราได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอย่าง EcoMatcher และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ชื่อ Conserve Natural Forests (CNF) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ท้องถิ่น ทั้งยังได้นำเทคโนโลยีมาช่วยระบุตำแหน่งและข้อมูลของต้นไม้ ทำให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งปัจจุบันเราได้ปลูกต้นไม้ในประเทศไทยไปแล้วกว่า 200,000 ต้นในจังหวัดกระบี่และแม่ฮ่องสอน

ในปี 2565 แกร็บจึงได้มีการประกาศเป้าหมายในด้านความยั่งยืนขององค์กร (Grab’s ESG Goals) ซึ่งรวมถึงประเด็นในด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินต่างๆ ในวงจรธุรกิจ พร้อมตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ทั่วทั้งภูมิภาคให้ได้ภายในปี 2583 (ค.ศ.2040) ผ่าน 4 แนวทางสำคัญ คือ

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย
  1. การส่งเสริมให้มีการเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำอย่างรถ EV
  2. การใช้พลังงานทดแทนในสำนักงานต่างๆ ในทุกประเทศ
  3. การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและลดผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม
  4. การดำเนินโครงการที่มุ่งลดหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอน พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมกับคนในวงจรธุรกิจ

สำหรับโครงการชดเชยคาร์บอน ผ่านการพัฒนาฟีเจอร์ชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset Feature) แกร็บริเริ่มและดำเนินมากว่า 3 ปี เปิดให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงินเพื่อซื้อคาร์บอนเครดิต และนำไปปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยแกร็บได้ร่วมมือกับพันธมิตรรายสำคัญอย่าง EcoMatcher แพลตฟอร์มตัวกลางที่ทำงานร่วมกับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการปลูกต้นไม้ในท้องถิ่น โดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าไปดูข้อมูลและเยี่ยมชมต้นไม้ที่งอกเงยจากเงินบริจาคของผู้ใช้บริการ ซึ่งวันนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ป่า “GrabForGood”

ส่วน EcoMatcher ถือกำเนิดมาแล้วกว่า 8 ปีในฐานะแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างแบรนด์และองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการปลูกต้นไม้ โดยปัจจุบันได้ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ใน 14 ประเทศ ครอบคลุมทั้งทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้ ตะวันออกกลางและเอเชีย พร้อมส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นมีส่วนในการปลูกและดูแลต้นไม้เหล่านั้น ที่สำคัญคือคือมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการช่วยเก็บข้อมูลของการปลูกต้นไม้ โดยบนแพลตฟอร์มของ EcoMatcher จะมีข้อมูลต่างๆ ตั้งแต่พิกัดของต้นไม้ ภาพของต้นกล้าที่ปลูก สายพันธุ์ต้นไม้ ประวัติของคนปลูก รวมไปถึงการฟังเสียงป่า และการพูดคุยกับต้นไม้ผ่านเทคโนโลยี Chatbot

บาส ฟรานเซน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EcoMatcher กล่าวว่า EcoMatcher เกิดมาจากแนวคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้ของขวัญขององค์กรที่มักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากพลาสติก มาเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางใจและเป็นประโยชน์ต่อโลก เราจึงได้ร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น มูลนิธิหรือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) ที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูกต้นไม้ พัฒนาแอปพลิเคชันติดตามต้นไม้ที่ชื่อว่า ‘TreeCorder’ เพื่อให้องค์กรเหล่านี้สามารถเก็บข้อมูลต้นไม้ที่ปลูกทุกต้นได้ ทำให้การสนับสนุนการปลูกต้นไม้มีความโปร่งใสและเข้าถึงง่าย และเป็นประโยชน์ต่อแบรนด์ต่างๆ ในการใช้การปลูกต้นไม้เป็นของขวัญให้กับลูกค้า หรือเชิญชวนให้ผู้ใช้บริการมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ เช่นเดียวกับ Grab ที่เชิญชวนให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงินเพียงเล็กน้อยเพื่อปลูกต้นไม้ชดเชยคาร์บอกน โดยทุกคนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมต้นไม้ผ่านแพลตฟอร์มของ EcoMatcher ได้ง่ายๆ

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันปลอดมลพิษโลก (Zero Emissions Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 21 กันยายนของทุกปี แกร็บ ประเทศไทย จึงได้ร่วมกับ EcoMatcher และ Conserve Natural Forests (CNF) จัดกิจกรรมพาพนักงานและพี่ๆ คนขับไปร่วมปลูกต้นไม้ในพื้นที่เขาพนมเบญจาในจังหวัดกระบี่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้และชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งภารกิจนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในวงจรธุรกิจของแกร็บให้ร่วมกันทำสิ่งเล็กๆ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนต่อโลกได้

บาส ฟรานเซน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EcoMatcher

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เล็งปั้น Pilot Project พื้นที่ราบ สร้างคาร์บอนเครดิตคุณภาพ

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ย้ำทางออกไทย บรรลุเป้าหมายคาร์บอนต่ำ จับมือภาคี ชี้ การ”ปลูกป่า ปลูกคน” คือแนวทางหลัก พร้อมเตรียมสร้าง Pilot Project ปีหน้า สร้าง Biochar ถ่านชีวภาพ จากวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตร ปั้นคาร์บอนเครดิตคุณภาพ

You May Like