แกร็บ ร่วม 7 พันธมิตร “BYD – H SEM Motor- STORM – Swap & Go – EV Station PluZ – Auto Drive EV – Moove” ส่งเสริมคนขับเข้าถึงรถ EV ผ่านโครงการ “Grab EV” จัดสินเชื่อผ่อนรายวัน ‘ผ่อนขับรับรถ’ และ ‘เช่าครบจบบนแอป’ เช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเริ่มต้น 125 บาทต่อวัน ผลักดันคนขับ 8,000 คนเปลี่ยนสู่ EV ภายในปี 2567
วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2565 แกร็บ ประเทศไทย เริ่มผลักดันแผนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยนำ ESG (Environment, Social และ Governance) เขามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ เพื่อส่งเสริมให้คนขันของแกร็บ มีรายได้ มีอาชีพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บริษัทจึงพยายามผลักดันให้คนขับเปลี่ยนมาใช้รถอีวี ซึ่งจะทำให้คนขับสามารถประหยัดต้นทุนและมีรายได้ที่ดีขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่า เมื่อแกร็บทำดีต่อผู้บริโภค คนขับ ร้านอาหาร ก็จะวนกลับมาที่ธุรกิจของแกร็บที่จะดีขึ้นด้วยเช่นกัน
แกร็บได้จัดงาน “Grab EV-LUTION เปลี่ยน…เพื่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตที่ดีกว่า” ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ 7 พันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ Rever Automotive, Moove, Swap & Go, EV Station PluZ, H SEM Motor, STROM และ Auto Drive EV เดินหน้าโครงการ “Grab EV” เพื่อผลักดันเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บให้ได้ 10% ภายในปี 2569 และมีคนขับทั้งมอเตอร์ไซด์และรถยนต์ เปลี่ยนมาใช้รถอีวีราว 8,000 คัน ภายในสิ้นปี 2567
การผลักดันเป้าหมายครั้งนี้ แกร็บได้เปิดตัว 2 โปรแกรมใหม่ ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้คนขับ สามารถเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น ได้แก่ ‘ผ่อนขับรับรถ’ (Drive-to-Own) โปรแกรมสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้าแบบผ่อนจ่ายรายวัน เจาะกลุ่มคนขับที่ต้องการให้บริการผู้โดยสารด้วยรถ EV โดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ และไม่ตรวจเช็คเครดิตบูโร โดยสามารถผ่อนเริ่มต้นวันละ 700 บาท
โปรแกรมที่ 2 คือ ‘เช่าครบจบบนแอป’ (End-to-End EV Bike Rental) โปรแกรมเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าราคาเริ่มต้นเพียง 125 บาทต่อวัน เจาะกลุ่มไรเดอร์ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการให้บริการเดลิเวอรีหรือรับ-ส่งผู้โดยสารพร้อมชวนผู้ใช้บริการร่วมรักษ์โลกผ่านฟีเจอร์ ‘Grab EV rides’ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสค้นหารถ EV ในพื้นที่และช่วงเวลานั้นๆ มาให้บริการเป็นตัวเลือกแรก
“จากการเก็บผลสำรวจของแกร็บพบว่า คนขับรถส่งอาหารของแกร็บที่เปลี่ยนมาขับรถอีวี สามารถประหยัดต้นทุนได้เลยกว่า 50% ขั้นต่ำ ในขณะที่ปัจจุบันมีโมเดลรถอีวีให้เลือกหลากหลาย ทำให้ตอนนี้มีคนขับที่สนใจเปลี่ยนมาใช้รถอีวีมากกว่า 85% สูงกว่าปี 2565 ที่มีเพียง 10%”
วรฉัตร กล่าวว่า แนวทางของแกร็บ ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืน และ ESG แต่ยังไม่ได้ลงลึก เพียงเน้นการทำงานที่นำ ESG เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจมากกว่า
“เรื่องการลดก๊าซเรือนกระจก…เราไม่ได้ชำนาญการด้านคาร์บอน มุมมองการทำความยั่งยืนของเรา คือ ทำให้คนขับมีรายได้และชีวิตที่ดีขึ้น และเรารักษ์โลก ได้ช่วยโลกไปในตัว เราต้องทำเรื่อง ESG ให้เปป็นเนื้อเดียวกับธุรกิจ ปีหน้า คาดว่าจะมีการวัดและประเมินผลเรื่องของ ESG ชัดเจนมากขึ้น”
นอกจากโปรแกรมที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของคนขับแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์ หรือสวัสดิการที่แกร็บมอบให้กับคนขับ เช่น 1 ปีมีวันหยุด 4 สัปดาห์ โดยจะไม่คิดเป็นวันที่ต้องจ่ายค่าผ่อน เพราะแกร็บได้คำนวณ และประเมินลักษณะการขับ มาเรียบร้อยแล้วว่า คนขับสามารถผ่อนได้ตามกำหนดเวลาที่มี
โปรแกรม “ผ่อนขับรับรถ” แกร็บได้ร่วมมือกับ Moove ผู้ให้บริการด้านสินเชื่อยานยนต์ และ Rever Automotive ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD เปิดโอกาสให้พาร์ทเนอร์คนขับสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่นใหม่ 3 ขนาดของ BYD เพื่อใช้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารได้โดยไม่ต้องใช้ประวัติทางการเงิน แต่จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากประวัติในการให้บริการกับแกร็บ โดยความพิเศษของโปรแกรมสินเชื่อที่มีระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 72 เดือนนี้คือ พาร์ทเนอร์คนขับไม่ต้องวางเงินดาวน์ และสามารถผ่อนจ่ายได้แบบรายวัน ผ่านการหักรายได้จากการให้บริการในแต่ละวัน
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์เสริมอื่นๆ อาทิ ฟรีค่าซ่อมบำรุงรถ รวมถึงครอบคลุมการทำประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ ทั้งนี้ โปรแกรมดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสามารถจองรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ได้ในได้ในช่วงต้นปี 2567 และคาดว่าจะทำให้พาร์ทเนอร์คนขับสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 5,000 คันภายในปี 2568
ส่วนโปรแกรม “เช่าครบจบบนแอป” แกร็บได้ร่วมมือกับ 3 ผู้ผลิตชั้นนำรถยนต์ และผู้นำแพลตฟอร์มสลับแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า อันได้แก่ STROM, H SEM Motor และ Swap & Go เพื่อให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับที่ให้บริการจัดส่งอาหารผ่าน GrabFood จัดส่งพัสดุผ่าน GrabExpress หรือรับส่งผู้โดยสารผ่าน GrabBike โดยมีอัตราค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 125 บาทต่อวัน พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ การสลับแบตเตอรีได้ไม่จำกัดรอบตลอด 24 ชั่วโมง การจัดหาอุปกรณ์เสริมให้ เช่น ตะแกรงท้าย ที่วางโทรศัพท์มือถือ และสายชาร์จแบตเตอรีสำหรับชาร์จไฟที่บ้านหรือที่สถานี การจัดหารถสำรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
รวมถึงสนับสนุนค่าบำรุงรักษารถ การทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำตลอดการใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยคาดว่าโปรแกรมนี้จะช่วยให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสามารถเข้าถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของทั้งสามพันธมิตรหลักได้กว่า 3,000 คันภายในปี 2567