อินเวสทรี ผนึกกำลัง ที โบรคเกอร์ พร้อมดึงกลยุทธ์ Referral Marketing ขยายฐานลูกค้ากลุ่ม SMEs เสริมสภาพคล่อง เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ รับมือสินเชื่อภาคธุรกิจที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
“ณัทสุดา พุกกะณะสุต” ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเวสทรี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า ปีนี้เป็นปีที่น่ากลัวมาก น่ากลัวกว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา เพราะจากแนวโน้มสินเชื่อภาคธุรกิจของไทยที่อยู่ในภาวะตึงตัว สถาบันการเงินเข้มงวดและปล่อยสินเชื่อน้อยลง ทำให้เหล่า SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก ในขณะนี้ภาคธุรกิจยังมีแนวโน้มความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น SMEs ยังต้องการสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน และ การลงทุนในการผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว จากการกลับมาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
อินเวสทรี พยายามสร้างพาร์ทเนอร์ชิฟผ่านพาร์ทเนอร์ชิฟ ผ่านกลยุทธ์ Referral Marketing หรือการให้ผู้ใช้งานชักชวนคนอื่นต่อไปเรื่อยๆ ส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตต่อเนื่อง
ตั้งแต่ได้ใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. Investree Funding Portal ได้ระดมทุนออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงให้ SMEs ไปแล้ว 81 ราย คิดเป็นมูลค่าการออกหุ้นกู้กว่า 1,500 ล้านบาท โดยในปี 2565 มูลค่าการระดมทุนให้ SMEs โตขึ้นสามเท่าตัว เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และสำหรับช่วงไตรมาสแรกปี 2566 บริษัทมีอัตราการเติบโตเกือบสามเท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทยังมุ่งขยายเครือข่ายพันธมิตรทั้งฝั่งนักลงทุนและฝั่งผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
ที่ผ่านมา อินเวสทรียังไม่มีลูกค้า NPL เลย จะมีเพียงการปรับโครงสร้างหนี้ 2 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าในกลุ่มธุรกิจบริการ อย่างไรก็ตาม การลงทุนเป็นโปรดักส์ที่มีความเสี่ยงสูง คาดว่าจะมี NPL แน่นอน แต่บริษัทฯจะคุมให้อยู่ไม่เกิน 3%
“วรกร สิริจินดา” ผู้ร่วมก่อตั้งและ ประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า อินเวสทรี ได้ต่อยอดแนวทางการทำตลาดแบบ Referral โดยการร่วมมือกับบริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กลุ่มธุรกิจการเงินในเครือบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดโอกาสให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการระดมทุนคราวด์ฟันดิง เสริมสภาพคล่องและลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ อินเวสทรีต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของอินเวสทรีและที โบรคเกอร์มีโอกาสเดินหน้าต่อยอดธุรกิจแม้ในภาวะสินเชื่อตึงตัว
“สุวิมล บุนนาค” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทอยู่ในกลุ่มธนชาต ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจการเงินมายาวนาน มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจนายหน้าการจัดหาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินต่าง ๆ ที่หลากหลาย อาทิ ประกันวินาศภัย ประกันชีวิต สินเชื่อ และผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนต่าง ๆ ที่เหมาะสม และตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ผ่านการแนะนำและดูแลโดยทีมงานเครือข่าย T-Advisor ของบริษัทฯ ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 5,000 คน
สำหรับการจับมือกับ อินเวสทรี ในครั้งนี้ เป็นโอกาสของบริษัทฯในการขยายฐานการทำธุรกิจจากกลุ่มลูกค้าบุคคล (Personal Line) ไปสู่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (Corporate Line) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและรายย่อย (SMEs) ได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ จะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำลูกค้า ที่ปกติใช้สินเชื่อให้รู้จักแหล่งเงินทุนใหม่ ผ่านการออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิ้งกับ อินเวสทรี เพื่อดำเนินการต่อในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติ และกระบวนการออกหุ้นกู้กับลูกค้าโดยตรง
“ชนิตา ขยันตรวจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า T Broker สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มธุรกิจได้กว้างขึ้นจากการมีผลิตภัณฑ์นำร่องในการเสนอให้กับลูกค้าที่ใช้สินเชื่ออยู่แล้ว รวมทั้งสามารถต่อยอด เติมเต็มความต้องการด้านเงินทุนให้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจเดิมที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์ประกันภัยกับบริษัทฯ อยู่แล้ว การร่วมมือกับอินเวสทรี ครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ครอบคลุม และตอบโจทย์ความต้องการยิ่งขึ้น
“สำหรับแนวโน้มธุรกิจ SMEs ช่วงครึ่งปีหลัง มีหลายธุรกิจกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ และการกลับมาของนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความไม่ชัดเจนจากนโยบายและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข” นางสาวณัทสุดา กล่าว
“เรามุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งเงินทุนทางเลือกให้กับ SMEs ที่จดทะเบียนนิติบุคคล แต่เรายืนเดี่ยวไม่ได้ หากสภาพคล่องจากท่อน้ำใหญ่ เช่น ระบบธนาคารพาณิชย์ขัดข้อง ในขณะที่ตลาดสินเชื่อและการขอออกหู้นกู้ SMEs มีดีมานด์สูงเช่นเดียวกันกับระดับความเสี่ยงด้านการเงินสูง เราเองก็ต้องคัดกรองผู้ออกหุ้นกู้ที่มีศักยภาพด้วยเช่นกัน”
ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 30 เม.ย. 2566 มีการระดมทุนคราวด์ฟันดิ้ง จำนวน 429 บริษัท มูลค่ารวม 2.1 พันล้านบาท มียอดสะสมรวมทั้งสิ้น 831 ราย มูลค่า 7.7 พันล้านบาท โดยอินเวสทรีมีส่วนแบ่งตลาด 20% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาด 16% โดยอัตราเฉลี่ยของผลตอบแทนการลงทุนที่ได้รับคือ 11.5% อินเวสทรียังคงมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบสนองต่อนักลงทุน รวมถึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการหาพันธมิตรเพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การทำธูริกจโบรกเกอร์อินชัวรันไม่ง่าย ยิ่งในช่วงปีนี้ ถือเป็นปีที่ทำธุรกิจยากมากขึ้น สำหรับอินเวสทรี ซึ่งเกิดมาได้ 4 ปี ปีนี้ยังถือเป็นช่วงของการสร้างการรับรู้ (Awareness) สิ่งที่อินเวสทรีพยายามทำคือ การพยายามมองหาเซ็กเม้นท์ที่เชื่อมต่อกันได้ พร้อมกับการสร้างความน่าเชื่อ ด้วยพนักงานที่มีประสบการณ์ด้านการเงินและการวิเคราะห์ รวมทั้งมีการทำเซอร์เวย์จากนักลงทุน แล้วนำมาปรับภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการวางระบบหลังบาน การเพิ่มจำนวนพนักงาน พร้อมปรับปรุงระบบหน้าบ้านให้ User Firendly มากยิ่งขึ้น เพื่อพร้อมรองรับผู้ใช้บริหาร