KAsset ประกาสเดินหน้า กองทุน ESG เต็มสูบ พร้อมจับมือ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ Multi-Asset Funds ดึงความรู้และศักยภาพระดับโลก เสริมแกร่งนักลงทุนไทย
อดิศร เสริมชัยวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset กล่าวว่า วันนี้ KAsset เลือกที่จะทำความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทีมงานที่มีความสามารถ เพื่อให้ลูกค้าเติมเต็มศักยภาพในการลงทุนมากขึ้น จึงได้ร่วมมือกับ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) ในฐานะ Strategic Partner ที่จะเข้ามาช่วยพลิกโฉมการทำธุรกิจการลงทุน ให้นักลงทุนมีความเข้าใจลึกซึ้ง มีการลงทุนที่แม่นยำ และกระจายความเสี่ยงได้มากที่สุด
“เรามีความเข้าใจลึกซึ้งกับตลากการลงทุนในไทย ด้วยทีมงานที่มีอยู่เกือบทุกภูมิภาค มีผู้เชี่ยวชาญ การจับมือกับเจ.พี.มอร์แกนฯ เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ สร้างคำตอบในการลงทุน เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ความมั่งคั่งกับลูกค้า
ประเด็นสำคัญคือเรื่องประสิทธิภาพ และผลิตภัณฑ์ วันนี้ไม่ใช่มีผลิตภัณฑ์ครบ แต่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับช่วงนั้นๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า ตามเป้าหมายการลงทุนเพื่อความยั่งยืน”
สุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset กล่าวเสริมว่า นอกจากการลงทุนในรูปแบบ Multi-Asset Funds ซึ่งเป็นเทรนด์การลงทุนในตลาดโลกที่สามารถกระจายความเสี่ยง และเพิ่มความมั่นคงให้กับนักลงทุนแล้ว KAsset ยังพร้อมขยายพอร์ตการลงทุน ESG ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ของโลก โดยภายใน 3 เดือนหลังจากนี้ จะได้เห็นผลิตภัณฑ์ Multi-Asset Funds ออกสู่ตลาด ควบคู่กับ หุ้น ESG ที่ภาพรวมวันนี้ทั้งประเทศไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก กสิกรไทยทั้งเครือก็ให้ความสำคัญ และพยายามผลักดันด้วยเช่นกัน
“เราเคยออกกองทุนไทย ESG ซึ่งสามารถขายได้มากที่สุดในอุตสาหกรรม คือ จากตลาดราว 5.000 ล้านบาท KAsset สามารถทำได้ราว 1,500-1,600 ล้านบาท ปีนี้เราจะมีอะไรใหม่ๆ ให้เข้ามาได้เห็น เพราะเทรนด์เรื่องของ ESG มาแรง เป็นหนึ่งซูเปอร์เมกะเทรนด์แล้ว และ ESG ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Asset กองทุนต่างๆ อยู่แล้ว”
อดิศร กล่าวอีกว่า ธนาคารกสิกรไทยให้ความสำคัญกับธุรกิจการบริหารจัดการกองทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งให้กับลูกค้า โดยปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าที่มีการลงทุนในกองทุนรวมเกือบ 1 ล้านราย (ณ วันที่ 25 ธ.ค. 66) และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้น ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง KAsset และ JPMAM ตั้งแต่การบริหารจัดการไปจนถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ตรงความต้องการของลูกค้า จะช่วยยกระดับประสบการณ์การลงทุนของลูกค้าได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับความมุ่งหมายของธนาคารในการส่งมอบผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่นักลงทุนไทย อีกทั้งยังเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้ KAsset เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ
ปัจจุบันผู้ลงทุนไทยประมาณ 60% กำลังเผชิญปัญหาพอร์ตการลงทุนมีความผันผวน (ที่มา: บลจ.กสิกรไทย ณ วันที่ 25 ธ.ค. 66) โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และวิกฤตเศรษฐกิจโลก ปัจจัยเหล่านี้ได้นำไปสู่ความผันผวนของตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเมินสถานการณ์ได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้น KAsset จึงมุ่งพัฒนาแผนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลก พร้อมปรับรูปแบบการลงทุนให้สอดรับและทันทุกการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ KAsset ที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของผู้ลงทุนไทยมีความมั่นคงและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
แดน วัตกินส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ.พี. มอร์แกน แอสเซท แมเนจเม้นท์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า JPMAM มองว่าตลาดทุนไทยเป็นตลาดที่มีความคึกคัก และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค อย่างไรก็ดี ความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั่วโลกของ JPMAM ทำให้มีความพร้อมที่จะนำเสนอโซลูชั่นการลงทุนที่ได้มาตรฐานระดับโลกให้กับผู้ลงทุนไทย และเป็นการเปิดโอกาสในการขยายธุรกิจของ JPMAM ไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังจาก 2 บลจ.ชั้นนำด้านการลงทุน โดย JPMAM เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการลงทุนระดับโลก มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 2.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ KAsset เป็นผู้นำตลาดกองทุนรวมของไทย มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 1.49 ล้านล้านบาท ที่มีความเข้าใจเชิงลึกต่อสินทรัพย์และสถานการณ์การลงทุนในไทย โดยความร่วมมือนี้จะมุ่งเสริมศักยภาพของ KAsset ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การให้ข้อมูลเชิงลึกที่เข้าถึงผู้ลงทุนได้ทันสถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา และการให้คำปรึกษาอย่างเข้าใจ ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงิน