KFC ต่อยอดธุรกิจรักษ์โลก ลดโลกร้อน ลุยสร้าง “KFC Green Store” สาขา ดีโป บาย วนชัย อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา และตึกแสงโสม กทม. ล่าสุด ผนึก EGAT ติดตั้งสถานีชาร์จ “EleX by EGAT” ให้บริการผู้ใช้รถ EV
ศสัย ตังเดชะหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ คิว เอส อาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSR) หนึ่งในแฟรนไชส์ซีแบรนด์ เคเอฟซี เปิดเผยว่า เคเอฟซีเริ่มแนวคิด Zero Waste ผ่านการเปิด ‘KFC Green Store’ รณรงค์ลดขยะตั้งแต่ต้นทาง เมื่อปี พ.ศ.2564 ด้วยงบลงทุนประมาณ 17-20 ล้านบาทต่อสาขา ในการสร้าง ‘KFC Green Store’ ซึ่งปัจจุบันมี 2 สาขา ได้แก่ สาขาดีโป บาย วนชัย อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา และตึกแสงโสม กทม.
‘KFC Green Store’ สาขาดีโป บาย วนชัย อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นสาขาที่เป็น Green Store ครบวงจร เป็นสโตร์ที่ไร้พลาสติคไม่มีช้อนซ้อม แพคเกจจิ้งบางอย่างเปลี่ยนเป็นกระดาษ พร้อมทั้งติดโซล่ารูฟ นอกจากนี้ยังมีถังทิ้งขยะแยกประเภท โดยน้องๆ ที่ให้บริการในร้านจะแจ้งและอธิบายทำความเข้าใจกับลูกค้าตั้งแต่เริ่มสั่งอาหาร
ส่วนการดีไซน์ภายในร้าน เน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ โดยใช้วัสดุจาก วนชัย เป็นไม้ที่เอาเศษไม้มาอัด เฟอร์นิเจอร์ทำมาจากกากมอลต์ของโรงเบียร์ ในเครือไทยเบฟ และกากชา จากโออิชิ
ล่าสุด สาขาดีโป บาย วนชัย ยังต่อยอดด้วยการจับมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือ EGAT ติดตั้งบริการสถานีชาร์จ “EleX by EGAT” แบบ DC 2 หัวจ่าย เพื่อให้บริการผู้ใช้รถ EV ซึ่งร้านนี้เป็นร้านแรกของเคเอฟซี ที่ให้บริการเต็มรูปแบบ และถือถือเป็นต้นแบบของเคเอฟซีในต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม สาขาของเคเอฟซี ที่มีการติดตั้งถสานีชาร์จแล้ว มีอีก 2 สาขาคือที่ สาขาราชพฤกษ์ และสาขานวมินทร์ 70 กรุงเทพฯ โดยทุกสาขาเปิดให้บริการประชาชน และลูกค้า KFC แล้ว ลูกค้าสามารถค้นหาสถานี ดูสถานะการชาร์จ สั่งจ่ายชาร์จ และชำระค่าบริการได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน “EleXA”
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษให้กับลูกค้า EleXA ได้อิ่มอร่อยกับเมนูไก่ทอด KFC ในราคาพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2566 ด้วย
ผู้บริหาร QSR กล่าวว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายในการเดินหน้าสู่ง Net Zero ภายในปี พ.ส.2583 เช่นเดียวกับบริษัทแม่ และขณะนี้ ังมีแผนที่จะเดินหน้าสู่การเป็น Zero Waste ซึ่งจะดำเนินการไปตามเป้าหมายเดียวกับเคเอฟซีทั่วโลก รวมทั้งเป้าหมายของเครือไทยเบฟ ต่อไป
จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง กฟผ. กล่าวว่า กว่า 3 ปีที่ผ่านมา กฟผ. ขับเคลื่อนและพัฒนาธุรกิจ EV Business Solutions มาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเติมเต็ม EV ecosystem ของประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าที่จะพัฒนาและขยายการให้บริการสถานีชาร์จ EleX by EGAT ให้ครอบคลุมทุกเส้นทางการเดินทางทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนาแอปพลิเคชัน EleXA และระบบบริหารจัดการ BackEN EV เพื่ออำนวยความสะดวกอย่างสูงสุดให้กับผู้ใช้ EV อย่างครบวงจร
ส่วนการคัดเลือกทำเลที่ตั้งสถานีชาร์จ จะเน้นการดูความต้องการของผูิบริโภค มีปริมาณรถมากพอสมควร รวมไปถึงจุดที่เป็นโซนนิคมอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับที่ สาขาดีโป บาย วนชัย
ปัจจุบัน กฟผ. เปิดให้บริการสถานีชาร์จ EleX by EGAT และสถานีพันธมิตรในเครือข่าย EleXA แล้ว 140 สถานี และตั้งเป้าขยายให้ถึง 180 สถานีภายในสิ้นปีนี้ และจะขยายให้ครบ 200 สถานีต่อไป ในขณที่ปัจจุบัน มีจำนวนรถ EV ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนแล้วกว่า 4.2 หมื่นคัน และคาดว่าถึงสิ้นปีจะมีถึง 5 หมื่นคัน