McLaren ARTURA ซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ คันแรกมาแล้ว

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:5 Minute, 21 Second

McLaren Bangkok ส่ง McLaren ARTURA ซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ เจาะตลาดคนรักรถแรง สมรรถนะเยี่ยม ราคาสิบล้านต้นๆ เผย คันแรก ส่งมอบลูกค้าได้ใช้แล้ว

นายวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า McLaren Bangkok ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป ได้สิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่ายแมคลาเรน (McLaren) รถซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริษัทฯ เน้นชูกลยุทธ์การสร้างประสบการณ์รถซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด ที่มีสมรรถนะและเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่เหมาะสม ให้ลูกค้าได้สัมผัส โดยคาดว่า McLaren ARTURA จะเป็นรุ่นที่ช่วยผลักดันให้ยอดขายของ McLaren ในประเทศไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ากลุ่มที่เคยอุดหนุน Performance Car ในกลุ่มราคาสิบล้านต้น ๆ

สำหรับซูเปอร์คาร์ McLaren ARTURA คันแรกของประเทศไทย ได้ส่งมอบแล้ว ให้กับไฮโซกี้-นายสราวุธ เสรีธรณกุล นักธุรกิจและนักแข่งรถซูเปอร์คาร์ ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ครอบครอง ซึ่งเขาเล่าว่า เคยสัมผัสกับ รถซูเปอร์คาร์มาหลายแบรนด์แล้ว แต่ละแบรนด์มีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันไป อย่าง McLaren รู้สึกชอบเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่นักแข่งรถจะชอบรถที่แรง เพอร์ฟอร์แมนซ์ดี McLaren ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ค่อนข้างดีเลย ส่วนตัวได้มีโอกาสสัมผัสกับ McLaren คือล็อตแรก ๆ เลยที่มีการนำเข้ามา พอได้ลองขับก็ชอบเลย ซื้อเลย คันแรกที่มี คือ McLaren 650S Spider คันสีเหลือง ต่อมาคันที่สอง McLaren 720S

ล่าสุด ตัดสินใจซื้อคันนี้ McLaren ARTURA เพราะชอบที่เร็วและแรง เพอร์ฟอร์แมนซ์ดี ข้อดีอีกอย่างของ McLaren ซึ่งทำออกมาได้ดีคือ ระบบ Traction Control เป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ยานพาหนะ อย่างเราเดินคันเร่ง 100% รู้สึกว่ารถก็ไม่หมุน ระบบ Traction สามารถตัดได้ดี ผู้ที่ไม่ค่อยชำนาญในการขับซูเปอร์คาร์ ไม่ต้องกลัวรถหมุน ถ้าเป็นโหมดระบบ Traction Control จะตัดระบบได้ละเอียดมาก

“รถรุ่นนี้ ใช้งานง่าย เพราะส่วนตัวขับรถแข่งประจำ ซึ่งรถจะค่อนข้างแรง ดุดันหน่อย พอมาขับรุ่นนี้แล้ว รู้สึกโอเคเลย ขับสบาย ใช้งานได้ในทุก ๆ วันจริง ๆ”

สำหรับความพิเศษของ McLaren ARTURA ทาง McLaren ยังคงยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบ โดยถือได้ว่า เป็นผู้บุกเบิกด้านการใช้เทคโนโลยีไฮบริดกับรถไฮเปอร์คาร์ McLaren P1 เป็นรุ่นแรก ตามมาด้วย McLaren Speedtail ซึ่งมาพร้อมระบบส่งกำลังที่ทำให้รถรุ่นนี้ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 250 ไมล์ต่อชั่วโมง

McLaren ARTURA มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ร่วมกันพัฒนาให้รถรุ่นนี้เป็นซูเปอร์คาร์แห่งอนาคต และตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันอย่างแท้จริง McLaren ARTURA ไม่เพียงดุดันในสนามแข่ง แต่ยังเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยโหมดไฟฟ้า 100% อีกด้วย ซึ่งผู้ขับขี่ จะได้เปิดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่เหนือขั้นที่มาพร้อมสมรรถนะรอบด้านและความก้าวล้ำในทุกมิติ โดยจุดเริ่มต้นของการพัฒนารถรุ่นนี้ คือ การกำหนดเป้าหมายอันท้าทาย เริ่มจากการเพิ่มแบตเตอรี่ที่เปี่ยมประสิทธิภาพและพลังงาน โดยไม่กระทบต่อน้ำหนักของรถโดยรวม เนื่องจากน้ำหนักของรถซูเปอร์คาร์ส่งผลต่อทุก ๆ สมรรถนะทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอัตราการเร่ง การเบรก การเข้าโค้ง เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็น ที่ส่งผลให้น้ำหนักของรถยนต์ขับเคลื่อนได้อย่างเบาสบาย ดังนั้น ความเชี่ยวชาญของทีมงานในด้านวิศวกรรมวัสดุ ที่เน้นให้รถยนต์ น้ำหนักเบาสามารถชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ ล่าสุด ที่ชื่อว่า McLaren Carbon Fibre Lightweight Architecture (MCLA) แบ่งได้เป็น 3 องค์ประกอบหลัก คือ

  1. Carbon Fibre Monocoque
  2. Electrical Architecture
  3. โครงสร้างแชสซีส์และระบบช่วงล่าง ซึ่งทีมงานออกแบบ MCLA ขึ้นใหม่ทั้งหมด และออกแบบแพลตฟอร์มนี้ให้สามารถปรับเปลี่ยน เพื่อสอดคล้องกับรถยนต์แต่ละรุ่นได้มากกว่าแพลตฟอร์มรุ่นแรก จุดเด่นสำคัญของ Carbon Fibre Monocoque คือ ปลอดภัยกว่า แข็งแรงกว่า และน้ำหนักเบากว่า

นอกจากนี้ ช่องว่างด้านหลังของ Monocoque ออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับแบตเตอรี่ HV ซึ่งได้รับการปกป้องรอบด้านเป็นอย่างดีจาก Carbon Fibre Safety Cell ซึ่งติดตั้งให้อยู่บน Carbon Fibre SMC Floor ในตำแหน่งต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เอื้อต่อจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำที่สุดของรถยนต์และช่วยในเรื่องเสถียรภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยระบบส่งกำลังแบบไฮบริด สมรรถนะสูง มีการประมวลอย่างรอบด้าน เพื่อออกแบบและผสานทุกองค์ประกอบให้รถยนต์มีน้ำหนักเบา

McLaren ARTURA คือ ความสำเร็จที่ได้รับด้วยน้ำหนักรวม(ไม่รวมของเหลว) เท่ากับ 1,395 กิโลกรัม ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้รถยนต์รุ่นนี้ ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในรถยนต์ประเภทเดียวกัน เลยก็ว่าได้

สำหรับการออกแบบ แชสซีส์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ได้แก่ E-Differential แนวคิดระบบมัลติลิงก์แบบใหม่ ช่วงล่างด้านหลัง Proactive Damping Control ที่ผสานกับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว เช่น ระบบพวงมาลัยแบบ Electro-Hydraulic ที่เพิ่มความแม่นยำ คล่องตัว และเสถียรภาพในการขับขี่ซึ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อผู้ขับขี่ให้ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังคงสนุกกับการขับ McLaren ARTURA ด้วยการสัมผัสทุกความรู้สึกจากผิวถนนสู่พวงมาลัย

นอกเหนือจากนี้ ยังพัฒนา Ethernet Electrical Architecture ใหม่ ที่ใช้ Domain Controller 4 ชุด และประเภทเครือข่ายใหม่ล่าสุดสำหรับยานยนต์ สำหรับความเร็วที่สูงขึ้นและแบนด์วิดท์ที่กว้างขึ้น ซึ่งทำให้สามารถลดน้ำหนักรวมได้สูงสุดถึง 25% จากการลดการใช้ชุดสายไฟและสายสัญญาณต่าง ๆ พร้อมกับนำเทคโนโลยีล่าสุดของระบบเครือข่ายมาใช้กับ McLaren ARTURA

พร้อมกันนี้ ระบบ High-Performance Hybrid Powertrain ทำให้ McLaren ARTURA เป็นผู้นำด้านสมรรถนะ เครื่องยนต์ V6 ที่ให้สมรรถนะสูงกว่าแต่มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องยนต์ V8 ถึง 50 กิโลกรัม ขณะที่ ชุดเกียร์แบบใหม่ 8 สปีด ซึ่งไม่มีเกียร์ถอยหลัง แต่เราสามารถออกแบบให้ใช้ Axial Flux Motor สำหรับการถอยหลังได้อย่างไร้กังวล และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนวัตกรรมล้ำหน้าด้านวิศวกรรมใน McLaren ARTURA ที่ออกแบบมา เพื่อให้ McLaren ARTURA เป็นซูเปอร์คาร์ที่สามารถผสมผสานกับผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัวมากที่สุด

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

"เอมิเรตส์" รีไซเคิล พลาสติก-แก้ว สู่โปรดักส์ใหม่บนเครื่อง

สายการบินเอมิเรตส์ เดินแผนรักษ์โลก นำขยะพลาสติก-แก้ว จากบนเครื่องตลอดปี 2565 น้ำหนักมากกว่า 5 แสน กิโลกรัม เกือบเท่ากับน้ำหนักเครื่องบิน A380 ของสายการบินเอมิเรตส์ที่บรรทุกเต็มลำ รีไซเคิลสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อใช้บนเครื่อง

You May Like