NIQ ย้ำนักการตลาด สนองพฤติกรรม Gen Z กลุ่มนักจ่ายตัวยง

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:3 Minute, 51 Second

รายงาน NIQ Spend Z ชี้ประชากร Gen Z ไทยกว่า 20% พร้อมจ่ายให้สินค้ารักษ์โลก และใช้จ่ายซื้อของเชิงกลยุทธ์มากสุดในเอเชีย ไม่สนพรีเซนเตอร์ อิงข้อมูลสินค้าที่เป็นจริงและทดลองใช้เอง ไม่เน้นแบรนด์ แต่พร้อมจงรักภักดีถ้าสินค้าโดนใจ เผยแม้ปัจจุบัน Gen X จะใช้จ่ายสูงสุด แต่ Gen Z คือผู้มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อของครอบครัว ย้ำนักการตลาดต้องผูกใจด่วน

NielsenIQ (NIQ) บริษัทวิจัยผู้บริโภคชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกของ ผู้บริโภค เปิดเผยถึงข้อมูลจาก รายงาน NIQ Spend Z ที่นำเสนอพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านการค้าปลีกในประเทศไทยและทั่วโลก รวมไปถึงความใส่ใจต่อความยั่งยืน ทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณขยะ การรีไซเคิล และอื่นๆ โดยเคน Gen Z จะยอมจ่ายให้กับสินค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และพร้อมจ่ายเพิ่มมากกว่า 10% หากสินค้านั้นเป็นตัวจริงด้านความยั่งยืน

ในขณะที่กลุ่มประชากรวัยนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ใหญ่ขึ้น และมีอำนาจทางการเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกก็มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลของ World Data Lab คาดว่าประชากร Gen Z จะเป็นคนกลุ่มเดียวที่มีจำนวนถึง 2 พันล้านคน ซึ่งคิดเป็น 25% ของประชากรโลก และคาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2577 ประชากร Gen Z ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะกลายเป็นกลุ่มที่มีส่วนสนับสนุนด้านการใช้จ่ายทั้งหมดของครัวเรือน ซึ่งมีมูลค่าการใช้จ่ายมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 

รายงานของ NIQ ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มผู้บริโภค Gen Z ชาวไทย 86% จะศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้บริโภคชาวเอเชียกลุ่มวัยเดียวกันที่ 71% ประชากรกลุ่มนี้มักจะฟังคำแนะนำจากอันฟลูเอนเซอร์และกลุ่มเพื่อนของตน โดย 75% จะพึ่งพาแหล่งข้อมูลเหล่านี้เพื่อช่วยในการ ตัดสินใจ

นอกจากนี้ 42% ของผู้บริโภค Gen Z จะชอบซื้อของบนช่องทางโซเชียลมีเดีย อาทิ ผ่านการคลิก ลิงก์จากช่องทางของอินฟลูเอนเซอร์ การซื้อผ่านแอป ผ่านช่องทางโฆษณาออนไลน์ และช่องทางการไลฟ์สดขายของ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การซื้อของคนกลุ่มนี้ การคำนึงถึงราคาเป็นข้อเด่นอีกประการหนึ่งในการตัดสินใจซื้อของประชากร Gen Z ชาวไทย 71% ยินดีที่จะเปลี่ยนแบรนด์เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับ 67% ของประชากรกลุ่มวัยเดียวกันทั่วเอเชียนอกจากนี้ 68% ของผู้บริโภคชาวไทยกลุ่มนี้ยังคงใช้เว็บไซต์และแอปในการเปรียบเทียบราคาอยู่เสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการซื้อของพวกเขา เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในเอเชียแปซิฟิกประชากร Gen Z ในประเทศไทยมักจะแสดงถึงการใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ได้ดีกว่าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่รอบรู้และคำนึงถึงราคา

หากต้องการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มนี้ ธุรกิจต่างๆ จะด้องปรับตัวให้เข้ากับให้เข้ากับนิสัยการซื้อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ต้องการความโปร่งใสในการให้ข้อมูล แบรนด์นั้นๆ ต้องมีความจริงใจ ไม่ใช่แค่เพียงให้ส่วนลด หรือโปรโมชั่น

นอกจากนี้ ธุรกิจควรปรับแต่งกลยุทธ์การตลาด เพื่อดึงดูดผู้ซื้อที่ให้ความสำคัญต่อการงานวิจัย ในขณะเดียวกัน คนกลุ่มนี้ จะใช้ประโยชนจากไขเชียลมีเดียเยอะมาก ควบคู่กับการรีวิวจากอินฟลูเอ็นเซอร์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งเขาสามารถรีเช็คได้จากการทดลองใช้ และคำแนะนำจากกลุ่มเพื่อน โดยไม่สนใจกับพรีเซนเตอร์แบรนด์เหมือนเจนเนอเรชั่นอื่นๆ

ธุรกิจต่างๆ ควรให้ความสำคัญถึงความถูกต้อง ความยั่งยืน และผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจในด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของประชากร Gen Z ในปัจจุบัน การลงทุนในนวัตกรรมที่สอดคล้องกับความชอบของคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความใส่ใจด้านสุขภาพจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ การให้ความสำคัญและสนับสนุนค่านิยม รวมถึงการปรับแต่งผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จะช่วยสร้างความเชื่อมโยงที่ยั่งยืนกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลเหล่านี้ได้ และจะช่วยรับประกันความภักดีต่อแบรนด์และความสำเร็จของแบรนด์ในระยะยาว

ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของคน Gen Z คือการเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของคนในครอบครัว เพราะเขาจะค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น แม้ gen Z ปัจจุบัน จะยังไม่ใช่กลุ่มที่ใช้จ่ายสูงสุด แต่ก็เป็นผู้มีอทธิพลต่อการจับจ่ายสูงสุดของครอบครัว รวมถึงกลุ่มเพื่อน

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ครึ่งปีแรกโตสวนกระแส 1.48 ล้านล้าน ย้ำภาพธุรกิจยั่งยืน

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ตอกย้ำความสำเร็จ แผนธุรกิจยั่งยืน และการขยายธุรกิจ พร้อมคงสถานะเงินทุนอันแข็งแกร่ง ผลักดันผลประกอบการครึ่งปีแรก 2024 โตต่อเนื่อง กว่า 3.7 พันล้านยูโร หรือราว 1.48 ล้านล้านบาท ย้ำความสำเร็จกลยุทธ์ ‘Lifetime Partner 24: Driving Growth’

You May Like