0
0
เอสซีจีมั่นใจ นวัตกรรม SCG 3D Printing พร้อมเดินหน้ารุกตลาดก่อสร้างระดับโลก ล่าสุดจับมือ Serendix สตาร์ทอัพจากญี่ปุ่น พัฒนาโซลูชันการก่อสร้างบ้านในญี่ปุ่น ยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วยเทคโนโลยี 3D Printing Mortar ชูจุดแข็งความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงาน SCG 3D Printing Mortar ได้จับมือกับ Serendix สตาร์ทอัพจากญี่ปุ่น พัฒนาโซลูชันการก่อสร้างบ้านในญี่ปุ่น ยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วยเทคโนโลยี 3D Printing Mortar ชูจุดแข็งความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความยั่งยืน
SCG ผลักดันจุดแข็งด้านดีไซน์และคุณภาพ สร้างตลาด 3D Printing Mortar เติบโตไกลระดับโลก ด้วยการผสมผสานตั้งแต่ งานดีไซน์ที่หลากหลาย รองรับการออกแบบที่ซับซ้อนและใช้งานได้หลากหลาย คุณภาพแข็งแรง โครงสร้างทนทาน ลดข้อผิดพลาดจากการก่อสร้างแบบเดิม พร้อมทั้งความคุ้มค่าด้านต้นทุน ทำให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญ มีทีมที่ปรึกษาทางเทคนิคให้คำแนะนำเฉพาะในแต่ละประเทศ
พร้อมกันนี้ ยังชูจุดแข็งด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ SCG 3D Printing: นวัตกรรมเปลี่ยนวงการก่อสร้าง
SCG 3D Printing คือเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ด้วยปูนซีเมนต์ ที่สามารถสร้างโครงสร้างและตัวอาคารได้อย่างรวดเร็ว ลดการใช้แรงงาน ลดของเสียในไซต์งาน และช่วยลดเวลาการก่อสร้างลงถึง 66% นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรอง SCG Green Choice ประเภทการลดของเสีย (Waste Reduction) ซึ่งยืนยันถึงความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดี
SCG ย้ำว่า SCG 3D Printing เหมาะสำหรับโครงการที่ต้องการความรวดเร็วและความแม่นยำ สามารถนำไปใช้ในงานตกแต่ง สร้างสรรค์ชิ้นงานที่มีดีไซน์โดดเด่น เช่น เฟอร์นิเจอร์และแลนด์สเค โปรเจกต์ต้นแบบในไทย เช่น R&I Co-Working Space ที่ SCG พัฒนาอาคารต้นแบบ R&I Co-Working Space ด้วยเทคโนโลยี On-site 3D Construction Printing ที่เป็นรายแรกในประเทศไทย อาคารขนาด 102 ตารางเมตรนี้ถูกออกแบบด้วย Parametric Design สร้างลวดลายโค้งที่แตกต่างทุกมุมมอง ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 1 สัปดาห์ ลดแรงงานลง 50%
เป้าหมายของ SCG คือความพยายามในการขยายและพัฒนาเทคโนโลยี 3D Printing ไปยังตลาดโลก พร้อมสร้างสรรค์โซลูชันที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต
