SCGJWD งัดกลยุทธ์ Green Logistic ผสานการสร้างความหลากหลายกลุ่มธุรกิจลูกค้า รุกหนัก Cold-Chain Logistics พร้อมทุ่มอีกกว่า 1,000 ล้าน ปักหมุดทำเลยุทธศาสตร์อาเซียน ชูจุดแข็งนวัตกรรมโซลูชั่น และโลเคชั่น สร้างความได้เปรียบ
ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD กล่าวว่า โลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปี โดยเฉพาะโลจิสติกส์สำหรับสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ซึ่งประเมินแนวโน้มจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 8.03% ต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2567-2572)สำหรับตลาดไทย และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1.78 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2572 SCGJWD ในฐานะผู้นำตลาดทั้งในไทยและอาเซียน จึงวางกลยุทธ์ขยายการเติบโต พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน มุ่งสู่ Green Logistic โดยในปี 2025-2029 วางงบลงทุนธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นรวมกว่า 1.000 ล้านบาท เพื่อผลักดันรายได้จากธุรกิจให้มีอัตราเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 12.8% ต่อปี จากเป้าหมายรายได้ปี 2025 ที่ 1,100 ล้านบาท
แนวทางสำคัญของ SCGJWD คือการมุ่งเน้นการทำ ‘โลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics) ด้วยการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Roottop) ที่คลังสินค้าห้องเย็นทุกแห่ง เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทดแทนการซื้อไฟฟ้า พร้อมทั้งเปลี่ยนมาใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าแทนรถน้ำมันเชื้อเพลิง
นอกจากนี้ ยังใช้ระบบจัดเก็บและจ่ายสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage Retrieval System: ASRS) ที่ลงทุนเกือบ 100 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็ว รวมทั้งมีความปลอดภัยสูง ซึ่งเทคโนโลยี ASRS สามารถช่วยลดการใช้ไฟฟ้า และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถลดค่าไฟฟ้าได้กว่า 200 ล้านบาท และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 33,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี TMS (Transport Management System) ที่ช่วยวางแผนการเส้นทางการขนส่ง ทำให้สามารถประหยัดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เพิ่มขึ้น
บรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม SCGJWD กล่าวว่า ในมุมของ Digital Transformation บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กรและกับลูกค้า อาทิ การลงทุนระบบเทคโนโลยีเอไอร่วมกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ด้วยงบราว 40-50 ล้านบาท กับระบบคัดแยกขนาดปลาทูน่าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีแผนจะขยายสู่การคัดแยกสายพันธุ์ปลาในปีหน้า
สำหรับเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ที่ผ่านมาบริษัทฯ ลงทุนไปแล้วราว 1,000 ล้านบาท ล่าสุด ยังได้ทดลองสร้างไพรอทโปรเจค Dark Warehouse หรือคลังสินค้าที่ใช้คนน้อยลง ตอนนี้ทดลองอยู่ที่บางนา และสระบุรี ปี 2569 คาดว่าจะใช้ได้ทุกพื้นที่ ซึ่งจะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น เพราะไม่ต้องใช้แรงงานคนเข้าไปอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิต่ำมากๆ
SCGJWD ทำทั้งการลงทุน สร้างนวัตกรรม และสร้างบุคลากร เพื่อให้เขาคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ แล้วเอามาใช้ เราพยายามให้ห้องเย็นของเรา เป็น Dark Warehouse รวมทั้งนำโดรน มาใช้นับจำนวนสินค้าในคลัง รวมถึงการร่วมกับโตโยต้าทดลองพัฒนาการใช้พลังงานไฮโดรเจน และยังพัฒนาเรื่องของไบโอดีเซล ถ้าทำไบโอ 100 ได้ จะสามารถทำให้รถที่มีอยู่ไม่ต้องแปลงเป็นอีวี ช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงาน”
“การทำเรื่อง Green ไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุน แต่เป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาธุรกิจ และช่วยโลกไปด้วยพร้อมๆ กัน ทำให้ได้ทั้งเงินและกล่อง การดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ถือว่าเป็นสโคป 3 ในการลดก๊าซเรือนกระจกของลูกค้า”
SCGJWD ต้องคุมเน็ทเวิร์คการให้บริการทั้งหมดทั่วประเทศให้เป็นไปตามเป้า เพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโต ควบคู่กับการเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero ของกลุ่ม SCG ต่อไป
นอกจากนี้ กลยุทธ์สำคัญ ที่ SCGJWD นำมาใช้ สร้างความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจ ชวนินทร์ กล่าวว่า ยังมีเรื่องรูปแบบการให้บริการแบบ End-to-End Supply Chain Solution ให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และคิดโซลูชั่นตอบสนองตามความต้องการใช้งานของลูกค้า รวมทั้งจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญบริการขนส่งและคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิทั่วประเทศ การได้รับรองมาตรฐานระดับสากล ระบบประกัน คุณภาพสินค้าตลอดกระบวนการ และบริการเสริม
ส่วนผลประกอบการของบริษัทระหว่างมกราคม – มิถุนายน 2567 อยู่ที่ 12,130.7 ล้านบาท ตั้งเป้าทถึงสิ้นปีจะมีรายได้อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งหลังของปีจะเป็นช่วงที่ธุรกิจมีการเติบโตสูงตามกลไกตลาด โดยธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) เป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่มีศักยภาพการเติบโตสูง มีสัดส่วนกำไรช่วง มกราคม – มิถุนายน 2567 กำไรของบริษัทฯ มี Net Profit อยู่ที่ 678.9 ล้านบาท และ 20% มาจากธุรกิจ Cold Chain Logistics ซึ่งมีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท มีการใช้พื้นที่คลังสินค้า (occupancy rate) อยู่ที่ 65.9% ซึ่งคาดว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ และสูงสุดที่เคยทำได้อยู่ที่ 80-90% ซึ่งปัจจุบันขยายพื้นที่จาก 100,000 พาเลท มาเป็น 200,000 แสน และตั้งเป้ารายได้ของธุรกิจ Cold Chain Logistics ปี 2567 เติบโต 12.78% สิ้นปีจะมีรายได้ 1,100 ล้านบาท
SCGJWD มีคลังสินค้าห้องเย็น 8 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย สมุทรสาคร 3 แห่ง สมุทรปราการ 3 แห่ง ฉะเชิงเทรา 1 แห่ง และ สระบุรี 1 แห่ง รองรับสินค้ามากกว่า 241,000 พาเลท และจะลงทุนปรับปรุงคลังสินค้าทั่วไปของ SCG Logistics เดิมให้รองรับการจัดเก็บสินค้าแช่เย็นแช่แข็งในจังหวัดหัวเมืองที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ 8 แห่ง เช่น ปทุมธานี สระบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เป็นต้น โดยจะมีพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 24% เป็น 300,000 พาเลทภายในปี 2572 เพื่อรองรับความต้องการจัดเก็บและขนส่งอาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูปพร้อมทานแช่แข็ง ที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งจากการบริโภคภายในประเทศ และการที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำหรับส่งออก พร้อมกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมใหม่ ๆ