สผ. -TEI จัดการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2567 เผยสารพัดปัจจัย การจัดการขยะไม่เหมาะสม การขยายตัวของเมือง การเติบโตของเทคโนโลยี AI ส่งผลกระทบทั้งเชิงลบและเชิงบวกสิ่งแวดล้อม
จิรวัฒน์ ระติสุนทร รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)กล่าวว่า สผ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ดำเนินงานตามที่พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 กำหนดให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตินำเสนอรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำคัญให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบาย แผน และมาตรการในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สผ. ร่วมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย จัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2567 โดยติดตามสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายสาขา จำนวน 11 สาขา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนข้อมูล ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า ร่างรายงานคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2567 ได้นำเสนอข้อมูลด้านปัจจัยขับเคลื่อน (Drivers) ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทั้งปัจจัยที่มาจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว รวมทั้งภาวะทางสังคมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค เงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายของประเทศ ทำให้เกิดปัจจัยกดดัน (Pressure) ที่เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงคุณภาพสิ่งแวดล้อม (State) ทั้งทางบวกและทางลบ นำไปสู่ผลกระทบ (Impact) ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การแก้ไขปัญหา (Response) ที่เกิดจากการดำเนินงานของภาคส่วนต่าง ๆ
ส่วนท้ายของร่างรายงานฯ ได้นำเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย โดยให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อมที่มีแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น ทั้งการขยายตัวการใช้ดินของพื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้างจากการขยายตัวของเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน การใช้พลังงานทดแทนจากเซลล์แสงอาทิตย์มากขึ้น จากนโยบายส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ การสะสมฝุ่นละอองขนาดเล็กจากการเผาไหม้ในพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่เกษตร การเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำท่าที่คาดการณ์ได้ยากขึ้น ปะการังและหญ้าทะเลมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อสมดุลของระบบนิเวศ และปริมาณขยะในแหล่งท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการจัดการขยะในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม
ขณะที่ประเด็นสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงในระยะยาว มาจากการขยายตัวของเมืองที่ทำให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่ทางธรรมชาติถูกเปลี่ยนสภาพหรือถูกแบ่งเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ประชากรหนาแน่นซึ่งมีผลต่อการใช้น้ำ พลังงาน การเกิดขยะและของเสีย สิ่งก่อสร้างกีดขวางทางระบายน้ำ เกิดน้ำท่วมขัง และเกิดเกาะความร้อนในเมือง (Urban heat) การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวที่เกินศักยภาพของพื้นที่ สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ การจัดการขยะที่ไม่เหมาะสม รวมถึงมลพิษที่เกิดจากขยะและของเสีย
การเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีผลต่อการใช้พลังงาน และการเกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการจัดการไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม AI ได้ถูกนำมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ส่งผลต่อรูปแบบการใช้ทรัพยากร การบริโภค และการเดินทาง ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์การวางผังเมืองรองรับประชากรสูงอายุ และเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศซึ่งมีการออกข้อบังคับและมาตรการต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ มีผลต่อทิศทางการดำเนินงานและประสิทธิภาพในภาคการผลิต