UOB ประเดิม 2 ลูกค้าใหญ่ “เงินฝากสีเขียว”

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:3 Minute, 35 Second

ยูโอบี ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากสีเขียว สกุลเงินบาท เพื่อลูกค้าองค์กรและลูกค้าสถาบันรายใหญ่ ที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาการเติบโตที่ยังยืน “อาร์เซลิก-หลักทรัพย์เอ็มเอฟซี” ประเดิมใช้บริการ

พณิตตรา เวชชาชีวะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Financial Institutions และ ESG Solutions กล่าวว่า ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากสีเขียว (Green Term Deposit) ในสกุลเงินบาท สกุลเงินเหรียญสิงคโปร์ และสกุลเงินเหรียญสหรัฐ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าองค์กรและลูกค้าสถาบันรายใหญ่ มีส่วนร่วมในโครงการที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน

เงินฝากที่ธนาคารยูโอบีได้รับจากลูกค้า จะถูกนำไปใช้สนับสนุนสินเชื่อสีเขียวสำหรับกิจกรรมและสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้าน ESG ภายใต้กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคาร (Sustainable Finance Framework) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SGDs) เช่น สินเชื่อเพื่ออาคารสีเขียว สินเชื่อเพื่อเมืองอัจฉริยะซึ่งรวมถึงเรื่องการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน และสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นต้น

พณิตตรา เวชชาชีวะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Financial Institutions และ ESG Solutions

องค์กรที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์เงินฝากประเภทนี้ นอกจากจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากแล้ว ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาการเติบโตที่ยังยืน โดยธนาคารจะจัดส่งรายงานเงินฝากสีเขียวประจำปี ที่รวบรวมข้อมูล และผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม จากโครงการด้านความยั่งยืนที่ได้รับการอนุมัติของธนาคาร เช่น ข้อมูลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เทียบเท่ากับจำนวนต้นไม้ที่ปลูก และจำนวนปริมาณการใช้รถยนต์ที่ลดลงในแต่ละปี ซึ่งบริษัทสามารถนำข้อมูลจากรายงานฉบับนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำรายงานด้านความยั่งยืน เพื่อตอกย้ำถึงความโปร่งใสและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของบริษัท

พณิตตรา กล่าวว่า ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของยูโอบีในการดำเนินธุรกิจ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากสีเขียว (Green Term Deposit) ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจมีส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าโครงการต่างๆ ที่ธนาคารให้สินเชื่อจะอยู่ภายใต้กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคาร ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล

บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (อาร์เซลิก) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่เริ่มใช้บริการผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากสีเขียวของธนาคารยูโอบี ในประเทศไทย

อูมุท ออซซอส กรรมการบริหารฝ่ายการเงินและบัญชี กลุ่มบริษัทอาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ และ บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตราฐานระดับโลกและหลักการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

บริษัทมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (net zero) ภายในปี 2593 เราจึงมีการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของเรา โดยการเปิดบัญชีเงินฝากสีเขียวกับยูโอบีช่วยให้เรามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บลจ.เอ็มเอฟซีเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นอย่างมาก เพราะความยั่งยืนส่งผลต่อวิธีการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างๆ ในปัจจุบัน และเราในฐานะผู้ลงทุนสามารถมีบทบาทในการขับเคลื่อนการลงทุนที่เกี่ยวกับความยั่งยืน เราเลือกเปิดบัญชีเงินฝากสีเขียวกับธนาคารยูโอบี เพราะธนาคารยูโอบีมีกรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เรามั่นใจว่าเงินลงทุนของเราจะถูกนำไปปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่เป็นไปตามมาตรฐานด้าน ESG และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ




Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

CEOใหม่ GC ดัน allnex สร้าง High Value & Low Carbon Business

“ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์” CEOใหม่ GC ผลักดัน allnex ขับเคลื่อน High Value & Low Carbon Business สานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus พร้อมเดินหน้าผลักดันมาบตาพุด สู่การเป็น Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

You May Like