“ถ้าสาหร่ายต้องเถ้าแก่น้อย” สโลแกนแบรนด์ ที่ใครหลายคนต้องเคยได้ยิน แต่ปัจจุบันแบรนด์เถ้าแก่น้อย เป็นแบรนด์ที่ขยายธุรกิจและขยายกลุ่มสินค้าไปไกลมากว่าสาหร่าย
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือต๊อบ ผู้กุมบังเหียนแบรนด์เถ้าแก่น้อย ตั้งแต่ก่อตั้งสู่การเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติจนปัจจุบันขึ้นสู่การเป็น Brand Love ของใครหลายคน
ไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติที่ถูกปาก แต่เถ้าแก่น้อยยังเป็น role model ในการทำธุรกิจให้กับหลายแบรนด์ และใครหลายคน แถมยังขยายตลาดไปแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก สิ่งหนึ่งที่ ต๊อบ อิทธิพัทธ์ เคยย้ำเสมอว่า “ถึงเราจะไม่ใช่แบรนด์แรกที่เข้ามาในตลาด แต่เราต้องเป็นแบรนด์แรกที่เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคให้ได้”
วันนี้เราจะมาถอดรหัสความปังปุริเย่! ของ ‘เถ้าแก่น้อย’ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่การเป็นสุดยอดผู้นำแบรนด์ที่ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา กับเป้าหมายการเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่านับหมื่นล้าน
ภาพจำของแบรนด์ เท่ากับ Brand Character
แน่นอนว่าการสร้าง Brand Character เป็นไม้แรกของการสื่อสาร เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสถึงตัวตนของสินค้าโดยไม่ต้องอธิบาย ตราสินค้าของเถ้าแก่น้อย ได้ใช้การวาดคาแรคเตอร์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหลักๆ อยู่ 3 จุด คือ 1. ใบหน้าเด็กยิ้มแย้ม ที่บ่งบอกถึงความสดใสร่าเริง สุขภาพดี และมีความเป็นมิตร 2. ชุดสีแดงสื่อถึงสัญลักษณ์ของความโชคดี3. อิริยาบถ ในท่าคำนับ แสดงถึงความนับถือ อ่อนน้อม ขอบคุณต่อผู้พบเห็น สิ่งนี้กลายเป็นภาพจำของแบรนด์ และสร้าง First Impression ตั้งแต่แรก
จุดเริ่มต้นแบรนด์เถ้าแก่น้อย เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มขนมขบเคี้ยวจัดอยู่ในประเภทสาหร่าย พร้อมออกสโลแกน “ถ้าสาหร่ายต้องเถ้าแก่น้อย” เป็นการวางแผนที่ต้องการให้คำว่า “เถ้าแก่น้อย” กลายเป็น Generic Name แทนคำว่า“สาหร่าย” และเพื่อเป็นการต่อยอดสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับแบรนด์ เถ้าแก่น้อยจึงเลือกใช้กลยุทธ์ขยายธุรกิจ โดยการทำ Line Extension และ Brand Extension ภายใต้ภายใต้ Umbrella Brand เถ้าแก่น้อย
– Line Extension เถ้าแก่น้อยได้มีการขยายสายผลิตภัณฑ์สาหร่าย โดยการออก Sub-Brand เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคมีความหลากหลาย มีไลฟ์สไตล์ ความชอบ และพฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างกันไป เช่น แบรนด์ตราเถ้าแก่น้อย(Taokaenoi) สาหร่ายทอดสำหรับผู้บริโภคที่ชื่นชอบรูปแบบการกินแบบดั้งเดิม แบรนด์เถ้าแก่น้อย บิ๊กโรลและฟิงเกอร์โรล (Taokaenoi Big Roll & Finger Roll) สาหร่ายย่างม้วนโรล สำหรับผู้บริโภคชอบทานกรอบ ไม่เลอะมือ เพิ่มความสนุกในการทาน และเถ้าแก่น้อยยังได้ขยายฐานลูกค้า สำหรับคนรักสุขภาพด้วย แบรนด์เถ้าแก่น้อย กู้ดเดย์(Taokaenoi Good Day) ผ่านสโลแกน “โซเดียมต่ำ ทุกคำอร่อย” เป็นต้น โดยแต่ละ Sub-Brand ยังได้พัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ๆ ให้ติดตามอยู่สม่ำเสมอ
– Brand Extension เถ้าแก่น้อยยังได้มีการขยายแบรนด์ด้วยการข้ามผ่านผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่สาหร่าย หรือจัดอยู่ในประเภท Non-Seaweed เช่น แบรนด์เถ้าแก่น้อย ทินเทน และ ทินเทนโรล (Taokaenoi TinTen & TinTen Roll) ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวประเภทปลาหมึก (Cuttlefish) แบรนด์เถ้าแก่น้อย โคบุค (Taokaenoi Kobuk) และ แบรนด์เถ้าแก่น้อย คอร์นวอร์ (Taokaenoi Corn War) ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดอบกรอบ นอกจากนี้เถ้าแก่น้อยยังใช้แบรนด์เถ้าแก่น้อยขยายไปยังกลุ่มสินค้าอีกมากมาย เช่น นมอัดเม็ด ผลไม้อบแห้ง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อเป็นการการันตีคุณภาพ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และเป็นการสร้างการจดจำให้กับแบรนด์
ดันแบรนด์เถ้าแก่น้อยเป็น Brand Love สู่โกอินเตอร์
หนึ่งในกลยุทธ์ ของเถ้าแก่น้อย ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง คือการเลือกใช้กลยุทธ์ Idol Marketing ได้สำเร็จเป็นเบอร์ต้นๆของประเทศไทย การเลือกใช้เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ทำให้แบรนด์เถ้าแก่น้อย ขึ้นแท่น Top Trend เทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งทั้งในไทยและขึ้นเทรนโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น การร่วมงานพรีเซ็นเตอร์ กับศิลปินเกาหลีและศิลปินไทย เช่นเซฮุน สมาชิกวง EXO, F4, GOT7, 2PM, SBFIVE เป็นต้น รวมถึงกาสนับสนุนงานกิจกรรมศิลปิน อย่าง BlackPink, Nu’Est, Kang Daniel เป็นต้น นอกจากจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ และตอกย้ำความ โกอินเตอร์ให้กับแบรนด์แล้วเถ้าแก่น้อยยังไม่ลืมที่จะนำ LOGO หรือ Mascot มา Endorse ร่วมกับศิลปิน เพื่อเป็นกาตอกย้ำแบรนด์และสร้างCustomer Engagement ที่ดีระหว่างลูกค้า ศิลปินและแบรนด์เถ้าแก่น้อยอีกด้วย
จากความแข็งแกร่งของแบรนด์เถ้าแก่น้อย ยังได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจ จากกลุ่มนักลงทุนในการร่วมลงทุน จากประเทศต่างๆ รวมถึงได้รับการยอมรับในการ Co-Brand กับแบรนด์ดังระดับสากล เพื่อต่อยอดการพัฒนาสินค้าใหม่การขยายกลุ่มลูกค้าและการช่องทางจำหน่ายในไทยและต่างประเทศ เช่น Taokaenoi x Pringles, Taokaenoi x Glico รวมถึงการนำแบรนด์คาแร็กเตอร์เถ้าแก่น้อย ร่วมกับ คาแร็กเตอร์ตัวการ์ตูนที่มีชื่อเสียงระดับสากล เช่น Taokaenoi x HelloKitty, Taokaenoi x Onepiece เป็นต้น
แผนกลยุทธ์ในการสร้างรากฐานแบรนด์ที่มั่นคง สู่ความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค จนตราสินค้าเถ้าแก่น้อย เป็นแบรนด์สินค้าไทยคุณภาพเป็นที่ยอมรับและรู้จักในระดับสากล เครื่องหมายการค้าจึงเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสำคัญของทางบริษัท เพื่อเป็นการปกป้องเครื่องหมายการค้าเถ้าแก่น้อย ทางบริษัทเถ้าแก่น้อยได้มีการผลักดันให้มีการจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิ์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ครอบคลุมในหลายประเทศทั่วโลกทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน
นอกจากนี้ ยังมีทีมเถ้าแก่น้อยและตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง คอยติดตาม เฝ้าระวังการถูกละเมิดสิทธิ์เครื่องหมายทางการค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ จึงทำให้เถ้าแก่น้อยได้ขึ้นเป็นสุดยอดแบรนด์การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาจนได้รับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจดีเด่น ด้านการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ (IP Champion) ประจำปี 2563 สาขาเครื่องหมายการค้า จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
เถ้าแก่น้อย ถือเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ การพัฒนาและต่อยอด สร้างการรับรู้แบรนด์ทั้งตลาดในประเทศ และขยายครอบคลุมตลาดต่างประเทศ รวมไปถึงการปกป้องเครื่องหมายการค้า ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่า เป็นเส้นทางเดินของแบรนด์ที่มีคุณค่า และสามารถเติบโตได้อย่างงยั่งยืนสู่เป้าหมายหมื่นล้านบาทในอนาคต