เซ็นทรัลทำ พลิกโฉมชุมชนไทยด้วยข้าว 19 สายพันธุ์และการพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างเครือข่ายความรู้ที่เข้มแข็ง พร้อมเชื่อมต่อให้มีการถ่ายทอด พร้อมต่อยอดจนกลายเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง มีรายได้หล่อเลี้ยง พึ่งพาตัวเอง และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
ในโลกที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนกลายเป็นหัวใจสำคัญของทุกอุตสาหกรรม “เซ็นทรัลทำ” ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านการส่งเสริมชุมชนผ่านโครงการที่เน้นการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ล่าสุด เซ็นทรัลทำได้เปิดตัวโครงการที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์ข้าวไทย ซึ่งเป็นรากฐานของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน
พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ข้าวเป็นส่วนหนึ่งของหลายๆโปรเจคที่เซ็นทรัล ทำร่วมพัฒนาและส่งเสริมให้กับชุมชน โดยแนวคิดของเซ็นทรัล ทำ คือ การส่งเสริมให้ชุมชนรู้จักเลือกและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่างจากที่อื่นๆ และเป็นที่ต้องการของตลาด แล้วนำมาพัฒนาต่อยอดให้เกิดมูลค่าเพิ่ม โดยผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ ที่เซ็นทรัล ทำ เชื่อมต่อสร้างเป็นเครือข่ายความรู้ที่เข้มแข็ง
เมื่อได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว ยังช่วยหาช่องทางขาย มองหาตลาดให้ และยังต้องให้ผู้ผลิตในชุมชนเหล่านั้น มารู้จักกับตลาดขอองตัวเอง ด้วยการมาขายเอง รู้จักกับลูกค้าของตัวเอง เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ลงมือทำ เรียนรู้เอง มาคุยกับลูกค้าเอง
ทำไมต้องข้าว?
ส่วนโปรเจคข้าว ข้าวไม่ใช่เพียงแค่พืชเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นรากเหง้าและวิถีชีวิตของคนไทยที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ โครงการ “เซ็นทรัลทำ” ได้รวบรวมข้าวไทยพื้นเมืองกว่า 19 สายพันธุ์จาก 10 ชุมชนใน 8 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมการปลูกข้าวเชิงคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี และสร้างความยั่งยืนในทุกกระบวนการผลิต
โมเดลการพัฒนาที่เชื่อมโยงชุมชนและตลาด
เซ็นทรัล ทำ มุ่งมั่นที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ผ่านแนวคิด “ดาวกระจาย” โดยการนำความรู้และทรัพยากรจากศูนย์กลางไปสู่ชุมชนในพื้นที่ต่างๆ และเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างชุมชน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ โมเดลนี้ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ:
- ส่งเสริมการปลูกข้าวเชิงคุณภาพ: นำผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพาะปลูกที่เหมาะสมกับแต่ละสายพันธุ์ เช่น ข้าวฮางไรซ์เบอร์รี่ ข้าวเหนียวสันป่าตอง และข้าวสังข์หยด โดยเน้นการลดการใช้สารเคมีและปรับปรุงคุณภาพดิน น้ำ และอากาศ
- สร้างตลาดให้ชุมชน: หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต เซ็นทรัลทำช่วยเชื่อมโยงชุมชนกับผู้ซื้อผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ เช่น ท็อปส์ มาร์เก็ต ตลาดจริงใจ และการส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น การส่งออกเมล่อนจากอยุธยาไปยังสิงคโปร์ ซึ่งสร้างรายได้เกือบ 20 ล้านบาทต่อปี
- พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป: ส่งเสริมให้ชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น ข้าวหอมมะลิแดงที่นำไปทำขนม หรือการสร้างแบรนด์ข้าวพร้อมแพ็กเกจจิ้งที่สวยงามและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มมูลค่าและตอบโจทย์ตลาดสมัยใหม่
- สร้างเครือข่ายการเรียนรู้: เมื่อชุมชนมีความเข้มแข็งแล้ว เซ็นทรัลทำสนับสนุนให้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับชุมชนอื่น ๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้และขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียง
ความสำเร็จของโครงการข้าว 19 สายพันธุ์
หนึ่งในไฮไลต์ของโครงการนี้คือการจัดงาน Thailand Rice Fest 2024 ซึ่งรวบรวมข้าวหลากหลายสายพันธุ์จากทั่วประเทศไว้ในที่เดียว งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่แสดงศักยภาพของชุมชน แต่ยังเป็นช่องทางในการสร้างการรับรู้และเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับข้าวไทย โดยแบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก:
- โซนทำมา ค้าข้าว: จำหน่ายข้าว 19 สายพันธุ์ เช่น ข้าวเหนียวเขี้ยวงูจากเชียงราย และข้าวกล้องดอยพื้นเมืองจากเชียงใหม่ พร้อมบรรจุภัณฑ์ดีไซน์เก๋
- โซนทำกิน ชิมข้าว: นำเสนอเมนูพิเศษจากเชฟชื่อดังที่จับคู่ข้าวกับอาหารไทย 4 ภาค
- โซนเรื่องของข้าว: เล่าเรื่องราวความเป็นมาของสายพันธุ์ข้าวและกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน
- โซนกาแฟกับข้าว: นำผลิตภัณฑ์จากข้าวและสินค้าชุมชนมาจำหน่าย พร้อมคาเฟ่ที่เสิร์ฟเมนูพิเศษ
ก้าวต่อไป: การสร้างความยั่งยืน
โครงการข้าว 19 สายพันธุ์เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เซ็นทรัล ทำ ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายแนวคิดนี้ไปยังพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ และสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในทุกมิติของชุมชนไทย เป้าหมายสูงสุดคือการสร้างเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ พร้อมกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป
นอกจากข้าว เซ็นทรัล ทำ ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอีกมากมาย ทั้งผ้า พืช ผัก ผลไม้ ต่างๆ พิชัย กล่าวว่า เมื่อพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์ ให้ความรู้จนชุมชนเข้มแข็งพอ ก็นำผลิตภัณฑ์มาต่อยอด เช่น การแปรรูป เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดต่อเนื่อง และเป็นโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดใหม่ เอาขึ้นห้าง หาช่องทางจัดจำหน่าย ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลลมีทั้ง ท็อปส์ และตลาดจริงใจ และล่าสุด เริ่มนำผลิตภัณฑ์ชุมชนส่งออก เช่น เมล่อน จากอยุธยา ที่ส่งไปขายสิงคโปร์
รวมไปถึงการต่อยอดข้าว สู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งสกินแคร์ เครื่องหอม และอื่นๆ ล่าสุด เซ็นทรัล ทำ ยังเตรียมขยายสู่ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดได้ราว 2-3 เดือนหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์จากชุมชนโดยเซ็นทรัล ทำ ปัจจุบันทำรายได้แล้วเกือบ 20 ล้านบาต่อปี และจะมีการขยายตัวต่อเนื่องทั้งผลิตภัณฑ์ ตลาด และรายได้แน่นอน