“พอดีคำ ดอทเอไอ” เฮทท์เทคสตาร์ตอัพ พัฒนา “จับใจ บอท” ช่วยผู้ป่วยซึมเศร้า รับสถานการณ์คนเครียดจากข่าวไวรัสโคโรนา ขณะที่ปัจจุบัน ผู้ป่วยด้านสุขภาพจิตในไทย มีแนวโน้มพุ่งสูงกว่า 1,8 ล้านคน
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือ โควิด- 19 ที่ยังไม่คลี่คตลาย ส่งผลให้คนทั่วไปรู้สึกเครียด วิตกกังวล ขณะเดียวกันสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตในประเทศไทยมีความรุนแรงขึ้น จากผลกระทบทางสังคมและภาวะเศรษฐกิจ แนวโน้มผู้ป่วยซึมเศร้าของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นทุกปีโดยมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากว่า 1.8 ล้านคน และพบว่าปีที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่ฆ่าตัวตายสำเร็จ 2-3 คน / ชั่วโมง นับเป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้
สตาร์ทอัพสายเฮลท์เทค บริษัท พอดีคำ ดอทเอไอ จำกัด ทีมประกอบด้วย ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติกะเสรี อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล , ดร.ยงยศ แก้วพิทักษ์คุณ Co-Founder, พณิดา โยมะบุตร นักจิตวิทยาคลินิก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จับมือกันวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านสุขภาพจิต เพื่อช่วยผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เป็นรายแรกของประเทศไทย ในชื่อ “จับใจ บอท เพื่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้า”
“จับใจ บอท” เป็นระบบหุ่นยนต์เอไอเพื่อนคุยแสนอบอุ่น ที่สามารถตรวจจับเข้าถึงระดับจิตใจ เพื่อช่วยคัดกรองและประเมินสภาวะซึมเศร้าเบื้องต้น วิเคราะห์ว่ามีแนวโน้มป่วยซึมเศร้าหรือไม่ หากพบว่ามีอาการซึมเศร้ามาก ก็ช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจไปพบแพทย์ได้เร็วขึ้น
ล่าสุดนวัตกรรม “จับใจ บอท” คว้ารางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ:ผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2563 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) นอกจากนี้ ยังสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยบนเวทีโลกโดยได้รับความชื่นชมจาก 30 ประเทศที่มาร่วมงานประชุมนานาชาติ Technology Mind & Society ซึ่งจัดโดย American Psychological Association ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา อีกด้วย
ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติกะเสรี นักวิจัยและอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จับใจ บอท เอไอคัดกรองภาวะซึมเศร้านี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิด ที่อยากให้คนทุกเพศวัย สามารถใช้งานได้ง่าย สะดวก และลดขั้นตอนใช้งานให้น้อยที่สุด จึงพัฒนามาเป็นแชทบอทบน Facebook messenger ที่ทุกคนคุ้นเคย นอกจากนี้ ยังพัฒนาสร้างรูปแบบการสนทนาให้มีความเป็นกันเองและเข้าใจง่าย ผู้ใช้รู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยกับบอท
ฟังก์ชั่นของ จับใจ บอท ปัจจุบันมี 2 ฟังก์ชั่น ได้แก่ 1. ประเมินระดับความซึมเศร้าภายในจิตใจ โดยในฟังก์ชั่นนี้ ผู้ใช้จะพูดคุยตามโปรแกรมบทสนทนาที่เตรียมไว้ ซึ่ง ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา จะมีทั้งคำถามปลายเปิด มีการเล่นเกมส์ตอบคำถาม โดยภายหลังจากการพูดคุย ระบบจะใช้ AI ในการประมวลผลคำตอบทั้งหมด ก่อนจะสรุปมาเป็นคะแนนระดับความซึมเศร้าในจิตใจ และคำแนะนำสำหรับแต่ละช่วงระดับคะแนน โดยมีการทำวิจัยผลที่ได้จากจับใจบอทว่า มีความใกล้เคียงกับผลที่ได้จากการประเมินด้วยแบบประเมินสภาวะซึมเศร้ามาตรฐาน ทำให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้อง 2.การพูดคุยเล่น (Chitchat) ผู้ใช้จะสามารถพูดคุยกับ จับใจ บอท ในหัวข้อทั่วไป ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลาย แก้เหงา และมีเพื่อนพูดคุยในเวลาที่ต้องการได้ ซึ่งในอนาคต เรามีแผนการที่จะพัฒนาฟังก์ชั่นให้สามารถประเมินหาสภาวะซึมเศร้าจากประวัติ พฤติกรรมการสนทนา ซึ่งจะเตือนผู้ใช้งานได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ (Proactive Alert)
ดร.ยงยศ แก้วพิทักษ์คุณ Co-Founder บริษัท พอดีคำ ดอทเอไอ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้เข้ามาพูดคุยกับ Jubjai Bot แล้วกว่า 110,000 ราย วิธีใช้งาน ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปใช้งานโดยเสิร์ชหาคำว่า Jubjai Bot ในช่องค้นหา ของแอพลิเคชั่นเฟสบุ้ค หลังจากเข้ามาที่หน้าเฟสบุ้คเพจจับใจบอทแล้ว ก็สามารถกดปุ่ม “ส่งข้อความ” เพื่อเริ่มคุยได้ทันที ประโยชน์ของจับใจ คือ ระบบ เอไอ แชทบอท เป็นระบบสนทนาอัตโนมัติ สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ใช้งานได้ฟรี รวมทั้งยังมีความเป็นส่วนตัวสูง จึงทำให้คนรุ่นใหม่และผู้ใช้ทุกวัยสามารถประเมินสภาวะซึมเศร้าได้ด้วยตัวเองและเข้าสู่กระบวนการรักษาได้เร็วขึ้น จุดเด่น คือเป็นแชทบอทแรกในประเทศไทยที่เน้นไปที่การประเมินสภาวะทางอารมณ์ของผู้ใช้ ควบคู่ไปกับเข้าใจความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งแชทบอททั่วไปไม่ได้เน้นเกี่ยวกับจิตใจ
นางสาวพณิดา โยมะบุตร หนึ่งในทีมวิจัย นักจิตวิทยาคลินิก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โรคซึมเศร้าเป็นความเจ็บป่วยทางอารมณ์ แบ่งออกเป็น 3 แบบ 1. Major Depressive Disorder คือโรคซึมเศร้าแบบที่มีอาการรุนแรงต่อเนื่อง สองสัปดาห์ขึ้นไป มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอย่างชัดเจน 2.Dysthymia คือมีความเศร้าไม่รุนแรง แต่มีระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน รบกวนการดำเนินชีวิตพอสมควร 3. Bipolar Disorder ในช่วงที่มีช่วงอารมณ์ซึมเศร้าเป็นอาการหลัก ซึ่งอาการเหล่านี้ต้องให้จิตแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
การรักษาโรคซึมเศร้าจะต้องรักษาทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านอารมณ์ ด้านความคิด และด้านร่างกาย (การเสียสมดุลของสารเคมีในสมอง) โดยในการรักษา จะต้องทำให้ครอบคลุมทุกด้าน จะมีการใช้ยาในการรักษาด้วย เพราะผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะมีอาการผิดปกติในการทำงานของสารเคมีในสมอง ส่วนการรักษาทางด้านความคิดและการจัดการอารมณ์ จะใช้การทำจิตบำบัด ซึ่งเป็นการพูดคุยตามหลักการทางจิตวิทยา นอกจากนี้ความเข้าใจ ใส่ใจ และการเป็นผู้ฟังที่ดีของคนรอบข้าง เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผู้ป่วยซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี
บทบาทของนักจิตวิทยาในการดูแลผู้ป่วยซึมเศร้านั้น จะเริ่มตั้งแต่การประเมิน โดยแบบประเมินมาตรฐานทางจิตวิทยาคลินิก และการบำบัดรักษาทางจิตสังคมโดย ใช้การพูดคุยหรือการทำจิตบำบัด เพื่อประคับประคองอารมณ์ ปรับกระบวนการคิด มุมมอง และสร้างทักษะการจัดการกับอารมณ์และปัญหา ซึ่ง “จับใจแชทบอท” นี้ ถือเป็นเครื่องมือที่นอกจากจะเอื้อให้บุคคลทั่วไปสามารถประเมินภาวะซึมเศร้าของตนเองได้แล้ว ผู้ป่วยที่รับการรักษาอยู่ ยังสามารถใช้แชทบอทนี้ ประเมินความเปลี่ยนแปลงของสภาวะอารมณ์ตนเอง เพื่อนำไปให้ข้อมูลแก่ผู้รักษาหรือนักจิตวิทยาของตนได้อีกด้วย