“เบทาโกร” ทุ่ม 1,400 ล้าน สร้างโรงงานอาหารสัตว์อัจฉริยะ หนองบุญมากจ.นครราชสีมา เพิ่มกำลังผลิตกว่า 6 แสนตันต่อปี ชูหลัก ESG นำนวัตกรรมลดใช้พลังงาน ติดตั้งโซล่ารูฟ ลดปล่อยคาร์บอน 1,900 ตันต่อปี
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า เบทาโกรเดินหน้าธุรกิจ‘PROACTIVE SUSTAINABILITY’ สร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง ทุ่มทุนกว่า 1,400 ล้านบาท สร้างโรงงานอาหารสัตว์อัจฉริยะ ที่หนองบุญมากจังหวัดนครราชสีมา นำร่องโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เต็มรูปแบบแห่งแรกและจะเป็นโมเดลต้นแบบการขยายไปสู่โรงงานของเบทาโกรอื่น ๆ ต่อไป
นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาขับเคลื่อนรากฐานการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการจัดการทรัพยากร ด้วยการเชื่อมต่อ IoT และระบบอัตโนมัติเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์กว่า 600,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 18% มีอัตราการเดินเครื่องอยู่ที่ 48% ของการผลิตรวม และจะผลิตเต็มกำลัง 100% ภายในสิ้นปีนี้ทำให้เบทาโกรมีกำลังการผลิตรวมแล้วกว่า 4 ล้านตันต่อปี รองรับตลาดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและ สปป.ลาว
นอกจากนี้ แนวโน้มอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ในปี 2566 ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย คาดว่าจะเพิ่มเป็น 19.99 ล้านตันหรือ 4.8% จากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 19.08 ล้านตัน เนื่องจากมีความต้องการในการผลิตสุกร ไก่เนื้อ และไก่ไข่เพิ่มขึ้น
โรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร หนองบุญมาก เป็นโรงงานขนาดใหญ่อันดับ 3 ของบริษัทฯ ผลิตอาหารสัตว์หลายชนิด อาทิ สุกร ไก่ไข่ ไก่เนื้อ ภายในโรงงานได้นำระบบบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วตรงเวลา พร้อมช่วยวางแผนการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคโนโลยีที่นำมาใช้ ช่วยยกระดับจัดการหลากหลายมิติ ได้แก่ ระบบการบริหารจัดการโรงงาน (Smart Dashboard) ระบบการเก็บตัวอย่างและตรวจสอบคุณภาพ(Smart Sampling) ระบบการจัดเก็บวัตถุดิบที่ควบคุมแบบอัตโนมัติ (Smart Silo) รวมถึงระบบการจัดเก็บและลำเลียงวัตถุดิบอัตโนมัติ (Smart Bulk) และการใช้หุ่นยนต์ในการบรรจุและลำเลียง (Auto packing & Robot) โดยการลงทุนโรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร หนองบุญมาก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย ตลอดจนช่วยลดการสูญเสีย ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการกระบวนผลิตและระบบขนส่ง ทั้งยังสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอีกด้วย
เบทาโกร ยังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ด้วยการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยโรงงานอัจฉริยะแห่งนี้ร่วมสร้างรากฐานสังคมเข้มแข็ง ด้วยการสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรร่วมเติบโตไปด้วยกัน รวมถึงสร้างงานให้คนในชุมชน ยกระดับทักษะทางด้านเทคโนโลยีให้กับคนในพื้นที่
ทั้งยังส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ระบบผลิตไอน้ำแบบประหยัดพลังงาน (Smart Boiler) จากเชื้อเพลิงชีวมวล (Bio-Mass Fuel) การใช้พลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ 20% โดยติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป(Solar Rooftop) ขณะนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.8 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ราว 1,900 ตันต่อปี