เอสซีจี ตอกย้ำ Green Priolity ดัน Green Infrastructure เร่งขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย นำไทยเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero
ในงานแสดงพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย (Sustainable Energy Technology Asia 2024) หรือ SETA 2024 ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก Low Carbon & Sustainable ASEAN Economy ดร.ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ – การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี ร่วมเป็น Keynote Speaker เรื่อง Green Infrastructure ที่มุ่งนำเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture Utilization and Storage : CCUS) และโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Infrastructure) มาใช้กับกระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งเข้าถึงคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ก่อนหน้านี้ ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี ได้ปรับตัว เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ควบคู่การลดคาร์บอน ตามแนวทาง Inclusive Green Growth สร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาว รับวัฏจักรปิโตรเคมีผันผวนยาว เตรียมเพิ่มออปชันวัตถุดิบปิโตรเคมีเวียดนาม LSP ด้วยก๊าซอีเทน ดันปูนคาร์บอนต่ำส่งนอก คว้าโอกาสจากนโยบายหนุนนวัตกรรมกรีน สู่ Green Priority ดึงเทคโนโลยียกระดับการอยู่อาศัย สร้างชีวิต กรีน&สมาร์ท ขยายธุรกิจพลังงานสะอาดสู่อาเซียน สร้าง New S-curve พร้อมเดินหน้า ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ เข้มข้น ดันเศรษฐกิจเติบโตแบบโลว์คาร์บอน
ดร.ชนะ กล่าวในเวทีงาน SETA 2024 ว่า เอสซีจีในฐานะองค์กรผู้นำด้าน ESG ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมแสดงวิสัยทัศน์ เกี่ยวกับ “เทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน” (Carbon Capture Utilization and Storage : CCUS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)ในอนาคต
และ “โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” (Green Infrastructure) เช่น ข้อมูลสายส่ง สำหรับพลังงานสะอาด มาใช้กับกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ทั้งรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และเข้าถึงคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ทั้งนี้ การร่วมบรรยาย แลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศ และพลังงานผันผวน เป็นหนึ่งในการระดมสมองเพื่อหาวิธีการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกของเรา
งานแสดงพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย (Sustainable Energy Technology Asia 2024) หรือ SETA 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก Low Carbon & Sustainable ASEAN Economy ประกอบด้วย งานแสดงเทคโนโลยีแสงอาทิตย์และระบบการกักเก็บพลังงาน (Solar+Storage Asia 2024) งานยานยนต์อนาคตของเอเชีย (Sustainable Mobility Asia 2024) งานแสดงสินค้าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม (FTI Energy Expo 2024)
งานฟอรั่มในระดับรัฐมนตรีและระดับผู้นำในภาคตะวันออกและอาเซียน The Fourth Asia CCUS Network Forum และงานประชุมวิชาการเรื่องเซลล์แสงอาทิตย์ไทย ครั้งที่ 1 (The Thai Photovoltaic Science and Engineering Conference) ตั้งแต่ปี 2016 SETA มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานของอาเซียนและเอเชีย และมุ่งสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ซึ่งประสบความสำเร็จ ได้รับความร่วมมืออย่างดีตลอด 8 ปีที่ผ่านมา