“ไทยวา” ปั้นโมเดล ผนวก BCG นำนวัตกรรมผสานความรู้ ช่วยเกษตรกรไทย

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:5 Minute, 52 Second

“ไทยวา” เดินหน้าผลักดันเกษตรยั่งยืน นำ “ไทยวาโมเดล” และ “โมเดล BCG”ผสานนวัตกรรมและองค์ความรู้ ช่วยเกษตรมันสำปะหลังไทยฝ่าภัยวิกฤตโลกร้อน

หทัยกานต์ กมลศิริสกุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายกลยุทธ์ ความยั่งยืน นวัตกรรม บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยวาร่วมสนับสนุนการเกษตรยุคใหม่ บูรณาการจนเกิดเป็น “ไทยวาโมเดล” ด้วยวิสัยทัศน์หลักคือ Creating Innovation and Sustainability from Farm to Shelf ที่นำนวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเริ่มตั้งแต่การส่งเสริมชาวไร่ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหลัก

ไทยวาเข้าใจถึงความจำเป็นเร่งด่วน ในการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อเปลี่ยนผ่านเกษตรกรรมไทยไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งเป็นรากฐานในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมมันสำปะหลังให้เติบโตได้ในระยะยาว เนื่องจากมันสำปะหลังได้รับผลกระทบในวงกว้างจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มันสำปะหลังซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่นำไปผลิตได้ทั้งอาหาร พลังงานชีวภาพ และไบโอพลาสติก เจอปัญหาฝนทิ้งช่วง มันสำปะหลังขาดน้ำ ประกอบกับการระบาดของไวรัสใบด่างในช่วงที่ผ่านมา จนชาวไร่ขาดแคลนต้นพันธุ์ปลอดโรคสำหรับเพาะปลูก ผลผลิตมันสำปะหลังของไทยจึงลดลงอย่างมาก ปัญหานี้สั่นคลอนศักยภาพของไทย ในฐานะผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรายใหญ่ของโลกมาตลอด 20 ปี ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกต่อปีถึง 93,000 ล้านบาท

หทัยกานต์ กมลศิริสกุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายกลยุทธ์ ความยั่งยืน นวัตกรรม บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน)

ไทยวาโมเดลบูรณาการนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมชาวไร่มันสำปะหลังซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหลัก และไม่เพียงเพิ่มผลิตในการเพาะปลูกอาหารเท่านั้น แต่ยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการจัดการดินซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเพาะปลูก ผนวกกับการส่งเสริมการทำเกษตรอย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้โมเดลนี้มีเสาหลักใน 3 ด้าน ได้แก่

· การดูแลดินด้วยปุ๋ยชีวภาพ เพราะหัวใจของไทยวาโมเดลคือการดูแลดินซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเพาะปลูก ไทยวาจึงคิดค้นปุ๋ยชีวภาพ TW8 ขึ้น เพื่อบำรุงและฟื้นฟูดิน ประกอบด้วยจุลินทรีย์ถึง 8 ชนิดที่มีบทบาทสำคัญในการย่อยอินทรีย์วัตถุให้กลายเป็นสารอาหาร ช่วยตรึงไนโตรเจนในอากาศลงสู่ดิน และช่วยสร้างสารอาหารที่จำเป็น เช่น ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม โดยเกษตรกรสามารถผลิตปุ๋ยชีวภาพ TW8 ได้เองโดยใช้ของเหลือทิ้งจากการเกษตรได้อย่างหลากหลาย เช่น ใบมันสำปะหลัง จึงทำได้ง่าย ช่วยลดต้นทุน แต่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการเจริญเติบโตให้กับพืช

· นวัตกรรมพลาสติกคลุมดินที่ย่อยสลายได้ ไทยวาได้แนะนำพลาสติกคลุมดิน ROSECO ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ นวัตกรรมนี้ไม่เพียงช่วยลดการใช้สารเคมีเพื่อกำจัดวัชพืช แต่ยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในดิน ซึ่งตอบโจทย์ปัญหาฝนทิ้งช่วงที่เกษตรกรไทยกำลังประสบอยู่ จึงช่วยเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อสิ้นฤดูกาลเพาะปลูกยังสามารถไถกลบฟิล์มชีวภาพ ROSECO หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะย่อยสลายและกลายเป็นปุ๋ยในดินที่มีประโยชน์ต่อจุลินทรีย์ แนวทางนี้ไม่เพียงสะดวกสำหรับเกษตรกร แต่ยังช่วยบำรุงดิน และลดผลกระทบจากการใช้สารเคมีอีกด้วย

· ธนาคารท่อนพันธุุ์มันสำปะหลังปลอดโรค ไทยวาประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง โดยใช้นวัตกรรมและองค์ความรู้จากโครงการโรงเรือนกระจกเพื่อการขยายท่อนพันธุุ์มันสำปะหลังแบบเร่งด่วน ซึ่งเป็นโครงการที่ไทยวาร่วมมือกับสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย หรือ TTDI ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังได้อย่างรวดเร็ว จากเดิมที่เพาะได้ครั้งละ 4-5 ท่อน เป็น 20 ท่อน ปัจจุบันไทยวามีโรงเรือนในประเทศไทยทั้งหมด 12 แห่ง ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง กาฬสินธุ์ และ ตาก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญของบริษัท จึงสามารถจัดหาท่อนพันธุ์มันสำปะหลังคุณภาพสูงให้กับเกษตรกรในเครือข่ายได้อย่างต่อเนื่อง

ศิริเทพ ศิริวรรณ์หอม เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในอำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี เล่าว่า ชาวไร่มันสำปะหลังโดนผลกระทบมากจากภัยโลกร้อนมาก เพราะทำให้ฝนแล้ง แต่หลังจากลองทำตามไทยวาโมเดล หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์โดยหมักร่วมกับจุลินทรีย์ TW8 ที่ทำได้เองจึงลดรายจ่ายจากปุ๋ยและลดใช้สารเคมี ผลที่เห็นได้ชัดคือผลผลิตเพิ่มขึ้น 50% จากเดิมเฉลี่ยได้ 4 ตัน เพิ่มเป็น 6 ตันต่อไร่ ทำให้ผมและครอบครัวมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม อยากเชิญชวนชาวไร่คนอื่นๆ มาลองปลูกมันสำปะหลังด้วยโมเดลนี้ เพราะมีข้อดีมากกว่าเดิมจริงๆ

การนำ “โมเดล BCG” ที่เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ไปพร้อมกัน 3 มิติ มาประยุกต์ใช้ให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเน้นการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และทั้ง 2 เศรษฐกิจนี้ อยู่ภายใต้ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

ไทยวานำกากมันสำปะหลังมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ Thai Win เพื่อหมุนเวียนนำทรัพยากร กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่ย่อมเยาให้กับเกษตรกร

ประไพ ภูลายยาว เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกระบือสวยงามในอำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี เล่าว่า ได้หันมาใช้อาหารสัตว์ของไทยวาที่ผลิตจากกากมันสำปะหลัง เพราะชอบแนวคิดเรื่องการหมุนเวียนนำของเหลือทิ้งกลับมาสร้างคุณค่า นอกจากจะดีต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังช่วยลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ลงถึง 40% จากเดิมอยู่ที่ 350 บาทต่อตัวต่อวัน ลดลงเหลือเพียง 210 บาทต่อตัวต่อวันเท่านั้น เท่ากับเราได้ผลดีถึง 3 ต่อ คือ อาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ ลดค่าใช้จ่าย และช่วยดูแลโลกและสิ่งแวดล้อม

ไทยวาเป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ Thailand Voluntary Emission Reduction Program (T-VER) หรือการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) หรือ อบก. โดยขึ้นทะเบียนเพื่อคำนวณค่าคาร์บอนเครดิตและประเมินความเป็นไปได้เชิงเศรษฐศาสตร์ รวมถึงการขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์หมุนเวียน ซึ่งไทยวาเล็งเห็นว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และสร้างความยั่งยืนให้กับภาคเกษตรและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

นอกจากนี้ ไทยวามีโครงการส่งเสริมให้เกษตรในเครือข่ายไร่มันสำปะหลังของไทยวาที่มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 10,000 ไร่ในจังหวัดอุดรธานีและระยอง นำปุ๋ยอินทรย์มาใช้เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเพาะปลูกลดลง

อีกหนึ่งความมุ่งมั่นของไทยวาในการผลักดันความยั่งยืนด้านเกษตรกรรม คือการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของแพลตฟอร์ม Sustainable Agriculture Initiative หรือ SAI เพื่อเรียนรู้และส่งเสริมให้เกิดอีโคซิสเท็มด้านเกษตรและอาหารที่ยั่งยืนและปรับตัวได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไทยวาตั้งเป้าที่จะสนับสนุนและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเกษตรกรในภูมิภาคนี้ให้ได้มากกว่า 1 ล้านรายภายในปี พ.ศ. 2571

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

กรุงศรี - เมเจอร์แคร์ รีไซเคิลบูธกิจกรรม สู่สนามเด็กเล่นเพื่อน้อง ๆ

กรุงศรี ร่วมกับ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ ส่งมอบ “ห้องหนังเพื่อการเรียนรู้” และ “สนามเด็กเล่น” ที่รีไซเคิลจากกบูธกิจกรรม ให้กับ โรงเรียนวัดยาง จ.พิษณุโลก เพิ่มพื้นที่การเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ผ่านการชมภาพยนตร์

You May Like